ผู้ที่เคยอยู่ในวงการตำรวจแต่ต้องออกจากงานเนื่องจากปัญหาสุขภาพจิต ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 อดีตเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอายุ 55 ปี ได้ขโมยรถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ขณะเจ้าของรถกำลังเช็กระยะที่ศูนย์บริการฟอร์ดในจังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้น เขาขับรถไปยังเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยมีอาวุธปืนติดมากับรถ
ระหว่างการเดินทาง ผู้ก่อเหตุได้แวะเติมน้ำมันฟรี และยึดลอตเตอรี่จากแม่ค้า ในเวลาประมาณ 15.00 น. เขาได้นำรถมาที่กองกับการสืบสวนภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพบกับผู้บังคับการสืบสวนที่เคยเป็นนายของเขา ภายในรถพบซองใส่อาวุธปืนและแม็กกาซีนขนาด 9 มม. แต่ไม่พบอาวุธปืน นอกจากนี้ยังพบลอตเตอรี่กว่า 200 ฉบับ ซึ่งถูกยึดไว้ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเขาเพื่อสอบสวนเบื้องต้น พบว่าเขามีอาการคล้ายคลุ้มคลั่งแต่ยังสามารถให้การได้
เหตุการณ์นี้ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตของบุคลากรในองค์กรภาครัฐ การสนับสนุนและการดูแลทางจิตใจสำหรับผู้ที่เผชิญกับภาวะยากลำบาก เป็นสิ่งจำเป็นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเอื้อเฟื้อ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการประเมินและติดตามสุขภาพจิตของสมาชิกในองค์กร เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
ภาวะตลาดรถยนต์ไทยเผชิญกับการปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในเดือนมกราคม 2568 จำนวนรถที่ถูกจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 48,092 คัน ซึ่งลดลงจากปีก่อนหน้าถึง 12.3% สำหรับรถยนต์นั่ง มียอดขายลดลงมากถึง 22% โดยมียอดขายทั้งหมด 18,254 คัน ขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 29,838 คัน ลดลงเล็กน้อย 5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดยานยนต์กำลังประสบกับแรงกดดัน
แม้ว่ายอดขายรวมจะลดลง แต่โตโยต้ายังคงครองตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งการตลาด 36.1% ด้วยยอดขาย 17,379 คัน ส่วนฮอนด้าและอีซูซุตามมาเป็นลำดับที่สองและสาม อย่างไรก็ตาม การลดลงของยอดขายรถยนต์นั่งทำให้บริษัทหลายแห่งต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาส่วนแบ่งการตลาด เช่น ฮอนด้าและมิตซูบิชิที่มียอดขายลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แนวโน้มการขายรถยนต์ในเดือนกุมภาพันธ์คาดว่าจะทรงตัวหรืออาจลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน นอกจากนี้ สถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากกังวลเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.25% เป็น 2.00% อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว แต่ความพยายามในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจโดยรวมจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตรถยนต์ในอนาคต
การเยี่ยมชมโรงงานในจังหวัดระยองได้เปิดเผยแนวทางใหม่ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของประเทศไทย วันที่ 28 กุมภาพันธ์ คณะผู้บริหารจากกรมสรรพสามิตและกระทรวงการคลังได้ลงพื้นที่สำรวจบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ เช่น BMW Manufacturing และ BYD Auto เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 ซึ่งการปรับปรุงนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับเทคโนโลยียานยนต์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานโลกและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ.
นโยบายใหม่ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาจะเน้นการยกเลิกข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดถังน้ำมันและปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากเงื่อนไขเหล่านี้อาจไม่เหมาะสมและลดแรงจูงใจในการลงทุน นอกจากนี้ การปรับปรุงโครงสร้างภาษีจะแยกประเภทภาษีระหว่างรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฮบริดแบบธรรมดา โดยคาดว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลก อีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนายานยนต์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น.
การปรับปรุงนโยบายภาษีครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการลดข้อจำกัดที่ไม่จำเป็นและการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ทันสมัย นโยบายนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมและส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต.