บทความนี้นำเสนอภาพรวมของยอดขายรถประเภท PPV (Pickup Passenger Vehicle) ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 2567 โดยมีการวิเคราะห์รายละเอียดเกี่ยวกับยอดจดทะเบียนและการลดลงของยอดขายเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมข้อมูลเฉพาะรุ่นและราคาจำหน่ายของรถยนต์แต่ละแบรนด์ อาทิเช่น Toyota Fortuner, Isuzu MU-X, Ford Everest, Mitsubishi Pajero Sport และ Nissan Terra
สำหรับปี 2567 ยอดจดทะเบียนรถ PPV ในไทยอยู่ที่ 41,008 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่ยังคงอยู่ในตลาดนี้ โดย Toyota Fortuner ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดด้วยยอดขาย 14,669 คัน ตามมาด้วย Isuzu MU-X จำนวน 13,346 คัน และ Ford Everest จำนวน 9,294 คัน อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสถิติสะสมจากเดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2567 พบว่ายอดขายรวมอยู่ที่ 32,283 คัน ลดลง 42.20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566
ในเดือนพฤศจิกายน 2567 ยอดขายรถ PPV อยู่ที่ 2,954 คัน ลดลง 30.61% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2566 ซึ่งอาจสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ยังคงเป็นผู้นำด้วยยอดขาย 1,194 คัน แม้ว่าจะลดลง 16.03% ส่วน Isuzu MU-X และ Ford Everest ก็ประสบปัญหาการลดลงของยอดขายเช่นกัน
เมื่อพิจารณายอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 2566 พบว่ามียอดขายรวม 60,293 คัน ลดลง 9.44% เมื่อเทียบกับปี 2565 ซึ่งอาจเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในตลาด โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดด้วยยอดขาย 22,088 คัน ตามมาด้วย Isuzu MU-X จำนวน 20,851 คัน และ Ford Everest จำนวน 12,037 คัน
นอกจากนี้ บทความยังครอบคลุมถึงการปรับราคาจำหน่ายของ Toyota Fortuner MY2024 ซึ่งมีการเพิ่มราคาขึ้นเล็กน้อย เช่น FORTUNER GR SPORT ราคาใหม่เพิ่มขึ้น 30,000 บาท สำหรับรุ่น 2.8 GR Sport AT 4WD สีดำ Attitude Black Mica ราคาอยู่ที่ 1,969,000 บาท ในขณะที่สีแดง Emotional Red | Black Top และสีขาวมุก Platinum White Pearl | Black Top มีราคาระหว่าง 1,989,000 บาท
บทความยังกล่าวถึงราคาจำหน่ายของ Isuzu MU-X และ Ford Everest ซึ่งมีหลากหลายรุ่นและราคาที่แตกต่างกัน เช่น Ford Everest 2.0L Turbo Trend 4×2 6AT ราคา 1,377,000 บาท และ Mitsubishi Pajero Sport ที่เปิดขายในไทยในช่วงราคาตั้งแต่ 1.38-1.68 ล้านบาท สำหรับรุ่นไมเนอร์เช้นจ์ 2.4 hyper power 184 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับ Nissan Terra ที่มีการจำหน่ายสามรุ่นย่อย ตั้งแต่รุ่น 2.3E 2WD 7AT ราคา 1,199,000 บาท ไปจนถึงรุ่น 2.3VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท
โดยสรุป ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดรถ PPV ของไทยในปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีการลดลงของยอดขายในบางรุ่น แต่ยังคงมีแบรนด์ที่สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำได้ เช่น Toyota Fortuner และ Isuzu MU-X ซึ่งยังคงครองส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญ
ในปี 2025 นี้ ประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการมาถึงของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่ๆ หลากหลายยี่ห้อและรุ่นที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดภายในประเทศ บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรถ EV ที่มีแนวโน้มว่าจะปรากฏในเมืองไทย โดยครอบคลุมถึงคุณสมบัติพิเศษและความโดดเด่นของแต่ละรุ่น
ในช่วงเวลาอันใกล้ เราอาจได้พบกับ MG IM 6 ซึ่งเคยเผยโฉมในงาน Motor Expo 2024 และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมี MG ES5 EV ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าจากจีนที่มีระยะทางขับขี่ไกลถึง 525 กิโลเมตร รวมถึง BYD Seal DM-i ที่ใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด หรือ BYD Shark 6 กระบะไฟฟ้า Plug-in Hybrid ที่ออกแบบให้ดูสวยงามและทรงพลัง
BYD Atto 2 ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวในยุโรป และ BYD Atto 3 2025 ที่ปรับปรุงระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างมาก นอกจากนี้ Denza N7 ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่โชว์ตัวในงาน Motor Expo สองครั้ง และ Aion UT แฮทช์แบ็กไฟฟ้าที่ขายทั่วโลก ก็อาจมีโอกาสเข้าสู่ตลาดไทยเช่นกัน
Zeekr 7X SUV ไฟฟ้าที่แข่งขันกับ Model Y และ Zeekr Mix มินิแวนไฟฟ้าที่มีเบาะหน้าหมุนได้ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถสนทนากันได้อย่างสะดวก ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ในขณะที่ New Model Y Performance อาจนำเข้ารุ่นสมรรถนะสูงมาเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากนี้ยังมี Deepal S05 BEV/EREV ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก, Avatr 12 และ Avatr 07 SUV ไฟฟ้าระดับพรีเมียม, Geely Galaxy E8 ซีดานไฟฟ้า, Changan Hunter EREV กระบะไฟฟ้าขุมพลัง EREV ขยายระยะทาง, Hyptec HL SUV ไฟฟ้าขนาดใหญ่, GWM WEY 80 PHEV MPV ระบบปลั๊กอินไฮบริด, และ GWM Tank 700 Hi4-T SUV ออฟโรดรุ่นเรือธง ที่คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่สนใจในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า
การเปิดตัวรถ EV เหล่านี้ในปี 2025 จะไม่เพียงแต่เพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังช่วยผลักดันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การมาถึงของยานยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้จะทำให้เราเห็นถึงการพัฒนาที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์และโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์การเดินทางที่สะอาดและยั่งยืน
ความสำเร็จในการปราบปรามเครือข่ายค้ารถโจรกรรมถูกเปิดเผยโดยตำรวจทางหลวง ปฏิบัติการนี้ได้รับชื่อว่า "Highway Black Market" ซึ่งเป็นการสกัดกั้นกลุ่มที่ดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายในตลาดมืด โดยเฉพาะการนำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน เหตุการณ์นี้ทำให้เห็นถึงความพยายามอย่างมากของเจ้าหน้าที่ในการปกป้องทรัพย์สินของประชาชนและคงความสงบเรียบร้อยในสังคม
การขยายผลจากเคสร้องเรียนเล็ก ๆ สู่การจับกุมขบวนการขนาดใหญ่ การสืบสวนเริ่มต้นจากการร้องเรียนของผู้เสียหายรายหนึ่งที่ถูกหลอกลวงเมื่อนำรถไปจำนำ นำไปสู่การค้นพบเครือข่ายที่แบ่งงานกันทำอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่โพสต์โฆษณาออนไลน์, กลุ่มขนส่งรถ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ส่งออกรถไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มนี้ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ทั้งหมดพร้อมของกลางรถยนต์จำนวนหลายคัน
การจับกุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการทำงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานและความตระหนักในสังคมต่อภัยคุกคามที่เกิดจากอาชญากรรมข้ามชาติ ด้วยการทำงานอย่างรอบคอบและมุ่งมั่น หวังว่าการดำเนินการนี้จะช่วยลดโอกาสในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต รวมถึงสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่ารัฐบาลกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในการปกป้องสิทธิและสวัสดิภาพของทุกคน