เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 17 มกราคม 2568 เกิดเหตุการณ์น่าตกใจบนถนนพัทยาสายสาม ในเขตอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี รถยนต์เอสยูวีคันหนึ่งได้ตกลงไปในหลุมก่อสร้างโครงการสายไฟลงดิน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อตัวรถ แต่ผู้ขับขี่โชคดีไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ รายงานระบุว่าหลุมดังกล่าวมีความลึกประมาณ 3 เมตร และเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 04.30 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ถนนยังเงียบสงบ เมื่อมีการแจ้งเหตุทางศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้รับแจ้งและเร่งนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยไปตรวจสอบทันที ที่เกิดเหตุพบว่ารถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์วี สภาพยับเยินหลังจากตกลงไปในหลุมก่อสร้าง
นายวิทวัส อายุ 32 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว เปิดเผยว่าขณะที่เขาขับรถไปยังย่านพัทยาเหนือ เขาไม่ทราบว่ามีการก่อสร้างบนถนน ทำให้เขามองไม่เห็นหลุมที่อยู่ตรงหน้า เมื่อถึงจุดดังกล่าว เขาพยายามเบรกแต่ไม่ทัน จนทำให้รถตกลงไปในหลุม โดยโชคดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญในการวางแผนและการสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบในการก่อสร้างและการจราจร เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การเพิ่มมาตรการความปลอดภัย เช่น การติดตั้งป้ายเตือนหรือแสงไฟที่ชัดเจน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่คล้ายคลึงกัน
ในช่วงค่ำของวันที่ 17 มกราคม เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นที่บ้านหนองย่างหมู อำเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อผู้คนเจ็ดคนกำลังสนทนากันอยู่รอบกองไฟและดื่มน้ำกระท่อม กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรถจักรยานยนต์สามคัน และเริ่มต้นขอซื้อน้ำกระท่อม ไม่นานหลังจากนั้น เสียงปืนดังขึ้น ส่งผลให้หนึ่งในกลุ่มผู้คนเสียชีวิต และอีกคนได้รับบาดเจ็บ
การสอบสวนเบื้องต้นเผยให้เห็นว่า มีประวัติความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่มาทำร้ายและกลุ่มผู้เสียชีวิต ซึ่งเริ่มจากการเต้นรำที่งานแห่รถเมื่อต้นปี จนนำไปสู่การเขม่นและความโกรธเคืองที่สะสมมาตลอดหลายเดือน การกระทำครั้งนี้แสดงถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการไม่สามารถแก้ไขความแตกแยกด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์และเป็นธรรม
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเผชิญกับความเศร้าโศกอย่างมาก โดยเฉพาะแม่ของผู้เสียชีวิตที่ป่วยติดเตียงและไม่สามารถลุกไปรับศพลูกชายได้ สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบทางอารมณ์และจิตใจที่เกิดขึ้นต่อครอบครัวที่สูญเสียสมาชิก เหตุการณ์เช่นนี้ควรเป็นบทเรียนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการแก้ไขปัญหาด้วยความเข้าใจและการสื่อสารที่ดี เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยและอบอุ่นสำหรับทุกคน
การแข่งขันสนุกเกอร์ระดับประเทศกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในปี 2568 โดยจัดภายใต้ชื่อ "ทีเคซี ไทยแลนด์ แรงกิ้ง เซอร์กิต 2025" ซึ่งประกอบด้วยการแข่งขัน 7 สนามทั่วประเทศ มูลค่ารางวัลรวมกว่า 8 ล้านบาท ไฮไลต์สำคัญคือการย้ายรอบชิงแชมป์ประเทศไทยไปจัดที่จังหวัดนครสวรรค์ แทนที่จะอยู่ในกรุงเทพฯ ตามปกติ งานนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การแข่งขันเป็นไปด้วยความราบรื่นและยิ่งใหญ่
การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายถิรชัย วุฒิธรรม นายกสมาคมกีฬาแห่งกรุงเทพมหานคร และนายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ทั้งสององค์กรได้ร่วมกันแถลงข่าวการแข่งขันที่ภัตตาคารโฮ คิทเช่น พระรามสาม เมื่อวันที่ 17 มกราคม การแข่งขันนี้จะครอบคลุม 7 สนามทั่วประเทศ โดยแต่ละสนามจะมีเงินรางวัลมากกว่า 1 ล้านบาท สำหรับ 6 รายการแรก ส่วนรายการสุดท้ายจะมีรางวัลรวม 1.3 ล้านบาท
นอกจากนี้ จังหวัดนครสวรรค์ยังได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันสนุกเกอร์ 6 แดง ชิงแชมป์ประเทศไทย ซึ่งเป็นรายการพิเศษก่อนการแข่งขันรอบชิงแชมป์ประเทศไทย ทั้งหมดนี้ทำให้จังหวัดนครสวรรค์กลายเป็นศูนย์กลางของกีฬาสนุกเกอร์ในช่วงเวลาดังกล่าว
โปรแกรมการแข่งขันเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องผ่านรอบคัดเลือกที่ราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนจะเดินทางไปแข่งขันรอบ 16 คนสุดท้ายที่สนามเจ้าภาพ ยกเว้นรายการชิงแชมป์ประเทศไทยที่จะแข่งขันตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิงชนะเลิศที่จังหวัดนครสวรรค์
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบความสามารถของนักสนุกเกอร์ทั่วประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสนใจในกีฬาสนุกเกอร์ในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความตื่นเต้นและความสนุกสนานให้กับแฟนๆ กีฬาสนุกเกอร์ทั่วประเทศ ผ่านการจัดการแข่งขันที่หลากหลายและยิ่งใหญ่