Tesla ได้ดำเนินการเรียกคืนรถยนต์จำนวนกว่า 239,000 คันในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับกล้องมองหลัง โดยสาเหตุอาจมาจากกระแสไฟย้อนกลับขณะจ่ายไฟให้กับรถยนต์ ส่งผลให้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดและทำให้กล้องไม่สามารถใช้งานได้ การแก้ไขปัญหานี้จะดำเนินการผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อปรับลำดับการจ่ายไฟให้เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนบอร์ดคอมพิวเตอร์ในบางคันที่มีปัญหา
รถรุ่น Model 3 และ Model S ปี 2024-2025 รวมถึง Model X และ Model Y ปี 2023-2025 ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ แต่ไม่มีรายงานการชนหรือบาดเจ็บจากการใช้งานกล้องที่เสียหาย บริษัทได้รับแจ้งประกัน 887 รายการและรายงานภาคสนาม 68 รายการ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Tesla ในการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
Tesla พบว่ามีปัญหาเฉพาะกับระบบกล้องมองหลังในรถยนต์บางรุ่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบดังกล่าว การตรวจสอบพบว่าปัญหาอาจเกิดจากกระแสไฟย้อนกลับขณะจ่ายไฟ ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ลัดวงจรและส่งผลให้กล้องไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้น Tesla จึงจำเป็นต้องดำเนินการเรียกคืนรถยนต์เพื่อแก้ไขปัญหานี้
ปัญหาดังกล่าวเกิดจากลำดับการกำหนดค่าของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ประกอบกับอุณหภูมิที่เย็นลง ส่งผลให้ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ทำงานผิดพลาด บริษัทได้ทำการวิเคราะห์และทดสอบอย่างละเอียด เพื่อระบุสาเหตุของปัญหาและการแก้ไขที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการอัปเดตซอฟต์แวร์และเปลี่ยนบอร์ดคอมพิวเตอร์ในบางคันที่มีปัญหา
Tesla ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการปล่อยอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ เพื่อปรับปรุงลำดับการจ่ายไฟของรถยนต์ให้เหมาะสม ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและทำให้กล้องมองหลังสามารถใช้งานได้ตามปกติ นอกจากนี้ สำหรับรถยนต์ที่มีปัญหากับบอร์ดคอมพิวเตอร์ จะได้รับการเปลี่ยนบอร์ดใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างถาวร
นอกจากนี้ Tesla ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีการเรียกประกันกว่า 887 รายการและรายงานภาคสนาม 68 รายการที่เกี่ยวข้องกับปัญหานี้ แต่ไม่มีรายงานการชน การบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากปัญหานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยของรถยนต์แม้จะมีปัญหาดังกล่าว นอกจากนี้ รถรุ่น Model 3, Model S และ Model X ที่ผลิตหลังวันที่ 16 ธันวาคมนั้น ได้รับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ที่แก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องของ Tesla ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้ากำลังก้าวสู่อนาคตด้วยการปรากฏตัวของ Leapmotor B01 ที่ไม่มีการพรางตัวในประเทศจีน รถยนต์ซีดานรุ่นนี้มีกำหนดการเปิดตัวในช่วงกลางปี 2025 และสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียวกับ Leapmotor B10 รถครอสโอเวอร์ โดยคาดว่าราคาจำหน่ายในประเทศจีนจะอยู่ระหว่าง 4.74 ถึง 7.11 แสนบาท ตามรายงานจากแหล่งข่าวในประเทศ
การออกแบบภายนอกของ Leapmotor B01 สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ด้วยส่วนหน้าแบบปิดทึบและไฟ Daytime Running Light แบบ LED เส้นเดียว สีตัวถังรถเป็นสีเหลืองสดใส นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น มือเปิดประตูแบบซ่อนราบเรียบไปกับตัวรถ และลายล้อที่คล้ายคลึงกับ Leapmotor B10 พร้อมกล้องรอบคันและระบบตรวจจับจุดอับสายตา นอกจากนี้ยังมาพร้อม LiDAR และชิป AI สำหรับรุ่นท๊อป
Leapmotor B01 เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายตลาดของบริษัท โดยมีกำหนดการเข้าสู่ตลาดจีนในช่วงกลางปี 2025 และคาดว่าจะตามมาด้วยการเข้าสู่ตลาดยุโรป รถยนต์รุ่นนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ระบบส่งกำลังแบบเดียวกับ Leapmotor B10 ด้วย e-motor ตัวเดียวที่มีกำลังสูงถึง 214 แรงม้า และชุดแบตเตอรี่ LFP ขนาด 56.2 kWh การเปิดตัวของ Leapmotor B01 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและปลอดภัย
การปรากฏตัวของ Leapmotor B01 ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียานยนต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์โลกที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น
รถ Honda NSX Type-R ที่เปิดตัวในยุค 90 ได้กลายเป็นหนึ่งในซูเพอร์คาร์ที่ถูกจดจำอย่างลึกซึ้ง โดยมีราคาระดับเดียวกับ Ferrari ในช่วงเวลานั้น ความพิเศษของรุ่นนี้คือการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียงคันเดียวเท่านั้น ผ่านทางฮอนด้า คาร์ ไทยแลนด์ ทำให้มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหายากและเอกลักษณ์เฉพาะตัว
NSX Type-R ไม่ใช่แค่ยานพาหนะแต่เป็นศิลปะบนถนน มันคือผลงานการออกแบบที่ผสมผสานระหว่างสมรรถนะและความสวยงาม เวลาผ่านไปหลายทศวรรษ แต่ความคลาสสิกของมันยังคงอยู่ และยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่ได้เห็น
ประชา อัศวนิเวศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสะสมรถยนต์ชื่อดัง เป็นเจ้าของรถคันนี้ เขาได้นำเราเข้าชมขุมพลังอันทรงพลังของ NSX Type-R ซึ่งปกติจะไม่เปิดเผยให้คนทั่วไปได้เห็น การได้ใกล้ชิดกับรถคันนี้เสมือนการเดินทางย้อนเวลาไปสู่ยุคที่เทคโนโลยียานยนต์เริ่มบุกเบิก
K-Factory ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษารถคันนี้ ไม่ได้เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าชมได้ง่ายๆ แต่สำหรับผู้ที่โชคดีพอได้เห็น NSX Type-R พวกเขาจะพบกับประวัติศาสตร์ของยนตกรรมที่ถูกบรรจุอยู่ภายในเครื่องยนต์ V6 และระบบขับเคลื่อนแบบ Mid-engine ที่เป็นเอกลักษณ์
เมื่อมองย้อนกลับไปที่เส้นทางของ Honda NSX Type-R เราจะพบว่ามันไม่ได้เป็นแค่ยานพาหนะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ยนตกรรมโลก ที่สะท้อนถึงความสร้างสรรค์และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา แม้ว่าจะผ่านไปนานแล้ว แต่มันยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าผู้หลงใหลในยานยนต์