ความสำเร็จและความพยายามไม่เคยผิดหวัง
ผลการแข่งขันหมากฮอสทีมชาย
ทีมชายของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาสามารถเอาชนะสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังไปด้วยคะแนน 2.5-0.5 มือ คว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถและการเตรียมตัวที่ดีของนักกีฬาทีมชาย โดยเฉพาะนายลัญจกร พวงศรี (บาส) ระดับปริญญาโท จากวิทยาลัยการเมืองและการปกครอง และนายอดุลวิทย์ สุธีกาญจโนทัย (เบ๋ง) จากวิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ ซึ่งทั้งสองคนมีบทบาทสำคัญในการนำพาทีมประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ยังมีนายวชิรวิทย์ สำราญพันธ์ (ซัน) และนายศรราม เสนคำสอน (ไบรอัล) ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมทีมให้แข็งแกร่งขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างมืออาชีพและแสดงให้เห็นถึงความสามัคคีภายในทีม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมสามารถคว้าชัยชนะมาได้
ผลการแข่งขันหมากฮอสทีมหญิง
แม้ว่าทีมหญิงของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันธากำลังจะคว้าชัยชนะแต่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังด้วยคะแนน 1-2 ทำให้ได้เพียงเหรียญเงินเท่านั้น แต่ความพยายามของนักกีฬาทีมหญิงไม่เคยลดลง พวกเขาสู้อย่างเต็มที่จนถึงวินาทีสุดท้าย ผลงานของนางสาวนิชกานต์ เนียะแก้ว (ญี่ปุ่น) จากวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ และนางสาวจุฑามาศ เพ็ญบูรณ์ (ปูเป้) จากคณะวิทยาการจัดการ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการวางแผนและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม
นอกจากนี้ยังมีนางสาวศุภิสรา สังข์แก้ว (เนิส) และนางสาวอมรรัตน์ เชื้อจีน (โบ) ซึ่งทั้งสองคนมีส่วนช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีม แม้ว่าจะไม่สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่พวกเขาก็ได้เรียนรู้มากมายจากการแข่งขันครั้งนี้ และพร้อมที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต
บทบาทของโค้ชและทีมงานฝ่ายกีฬา
ความสำเร็จของทีมหมากฮอสมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาไม่อาจเกิดขึ้นได้หากขาดบทบาทของโค้ชทั้งสองทีม นายจตุพล นวลงาม (โค้ชต้อง) ผู้ฝึกสอนหมากฮอสทีมชาย และนายธวัชชัย ปั้นวงศ์รอด (โค้ชต่าย) ผู้ฝึกสอนหมากฮอสทีมหญิง ทั้งสองคนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการฝึกสอนนักกีฬา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ฝ่ายกีฬาและส่งเสริมสุขภาพ กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ก็มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและส่งเสริมให้นักกีฬามีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี
การแข่งขันหมากฮอสและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
การแข่งขันหมากฮอสไม่ได้มีแค่เพียงการทำให้นักกีฬามีสุขภาวะที่ดีเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมุ่งเน้นในการสร้างหลักประกันการมีสุขภาวะที่ดี และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย ตามเป้าหมายที่ 3 ของ SDGs นักกีฬาสามารถนำประสบการณ์จากการแข่งขันไปใช้ในการพัฒนาตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การแข่งขันหมากฮอสเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการมีสุขภาวะที่ดีทั้งทางกายและใจ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความเข้าใจและการยอมรับซึ่งกันและกันระหว่างนักศึกษาจากหลากหลายมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
ในช่วงปลายปี 2567 เมืองพัทยาได้จัดกิจกรรมสำคัญเพื่อสนับสนุนนักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่จะเข้าร่วมในการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 39 รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ โดยนายกเมืองพัทยาได้มอบโอวาทให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน เพื่อสร้างความมั่นใจและความพร้อมในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีผู้บริหารระดับสูงของเมืองพัทยามาร่วมให้กำลังใจ ซึ่งเหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐต่อนักกีฬาเยาวชน
บรรยากาศการส่งเสริมและให้โอวาทนักกีฬาที่ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ในวันที่อากาศแจ่มใสของฤดูหนาว ในบริเวณลานด้านหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมืองพัทยา นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ได้ให้โอวาทและกำลังใจแก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 14-25 มกราคม 2568 ณ สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ทีมนักกีฬาจากเมืองพัทยาประกอบด้วยนักกีฬา 167 คน ผู้สอน 40 คน ผู้ควบคุมทีมกีฬา 40 คน และเจ้าหน้าที่ประสานงานทั่วไป 10 คน ที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน 7 ชนิดกีฬา ได้แก่ วอลเลย์บอลชายหาด เปตอง แบดมินตัน หมากฮอสไทย เซปักตะกร้อ กรีฑา และฟุตซอล
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเดินทางด้วยความปลอดภัยและการใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ โดยไม่เน้นผลแพ้ชนะมากเกินไป แต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองและนำประสบการณ์ที่ดีกลับมาสู่เมืองพัทยา
การสนับสนุนนักกีฬาเยาวชนอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของเมืองพัทยาที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทั้งด้านการศึกษาและการกีฬา ทำให้เยาวชนมีโอกาสพัฒนาศักยภาพและสร้างอนาคตที่สดใสสำหรับตัวเองและชุมชน
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การประชุมสำคัญเกิดขึ้นที่ห้องประชุมชั้น 7 ของสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาและคัดเลือกบุคคลดีเด่นในวงการมวยไทยประจำปี 2567 ซึ่งจะได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติในการจัดงานมหกรรมวันมวยไทย ประจำปี 2568 ที่ศูนย์การค้าพารากอน ในระหว่างวันที่ 5-9 กุมภาพันธ์ 2568 การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม รวมถึงแผนการดำเนินงานเพื่อให้การมอบรางวัลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
การประชุมครั้งนี้นำโดยนายสมชาย พูลสวัสดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการ และมีผู้บริหารระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวยเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง การประชุมเน้นการกำหนดรางวัลและมาตรฐานการคัดเลือก โดยมีรางวัลทั้งหมด 43 รางวัล ครอบคลุมหลากหลายประเภท เช่น นักมวยดีเด่น บุคลากรดีเด่น และสื่อมวลชนดีเด่น ที่มีความสำคัญต่อวงการมวยไทย ทั้งนี้ การคัดเลือกแต่ละรางวัลจะทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้รับรางวัลเป็นผู้ที่สมควรจริงๆ
นอกจากนี้ การประชุมยังได้หารือเรื่องการเสนอชื่อและการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมในแต่ละรางวัล โดยมีการพิจารณาตามคุณสมบัติและผลงานที่โดดเด่นของแต่ละบุคคล ซึ่งจะถูกนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองก่อนที่จะส่งให้ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยอนุมัติ ทั้งนี้ การประชุมยังได้รับทราบคำสั่งการกีฬาแห่งประเทศไทย เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลดีเด่นประจำปี 2567 และแผนการจัดงาน Muaythai World Festival ประจำปี 2568 ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568
การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแค่กำหนดแนวทางในการคัดเลือกบุคคลดีเด่นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการมอบรางวัลในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การค้าพารากอน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีในการเชิดชูเกียรติและเผยแพร่คุณค่าของกีฬามวยไทย นอกจากนี้ การประชุมยังได้หารือถึงแนวทางในการสนับสนุนและส่งเสริมกีฬามวยไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืนในอนาคต
การประชุมนี้ยังได้รับรายงานเกี่ยวกับแผนการจัดงานมหกรรมวันมวยไทยและ Muaythai World Festival ประจำปี 2568 ซึ่งจะเป็นเวทีสำคัญในการเชิดชูเกียรติและเผยแพร่คุณค่าของกีฬามวยไทยให้แก่สาธารณชน การประชุมยังได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากคณะกรรมการเพื่อนำไปปรับใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ต่อไป ทั้งนี้ การประกาศรางวัลจะครอบคลุมหลากหลายสาขา อาทิ นักมวยดีเด่น บุคลากรดีเด่น สื่อมวลชนดีเด่น และผู้เผยแพร่ศิลปะมวยไทยในต่างประเทศดีเด่น