Volvo สร้างสถิติยอดขายใหม่ที่น่าประทับใจในปี 2024 โดยมียอดขายรถยนต์ทั่วโลกสูงถึง 763,389 คัน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มาเกือบร้อยปี เครื่องจักรยนต์ไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนยอดขายของ Volvo โดยเฉพาะในตลาดยุโรป ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้บริโภค แม้ว่าจะเผชิญกับการลดลงของยอดขายในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 แต่ Volvo ก็ยังคงสามารถทำรายได้ทะลุ 400,000 ล้านโครนาสวีเดน หรือประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
สำหรับปี 2025 Volvo วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 รุ่น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด 2 รุ่น หนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจคือ Volvo ES90 ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมีนาคม รวมถึง EX30 Cross Country ที่คาดว่าจะมีระยะทางวิ่งที่สูงขึ้น นอกจากนี้ Volvo ยังมีแผนที่จะปรับโฉมรุ่นที่มีอยู่เพื่อให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคใหม่
Volvo แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก การเปิดตัวรถรุ่นใหม่และแผนการผลิตที่ครอบคลุมจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ ขณะเดียวกันยังสะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและสังคมในภาพรวม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการคว้าชัยชนะเหนือมหาวิทยาลัยที่ครองแชมป์มาก่อนในการแข่งขันฟุตบอลชิงเหรียญทอง ผลจากการทำประตูชัยในครึ่งหลังโดยผู้เล่นคนสำคัญ ส่งผลให้มทร.ธัญบุรีสามารถแก้แค้นจากปีก่อนหน้าได้อย่างสำเร็จ หลังจากที่เคยเป็นรองแชมป์มาสองสมัยติดต่อกัน การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศจบลงด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ทีมมทร.ธัญบุรีได้รับเกียรติอย่างยิ่ง
นอกจากความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลแล้ว มทร.ธัญบุรียังโดดเด่นในการแข่งขันกีฬาอื่นๆ ของงานกีฬา 9 ราชมงคล ซึ่งจัดขึ้นในปีนี้ โดยทีมนักกีฬามทร.ธัญบุรีสามารถรวบรวมเหรียญรางวัลได้จำนวนมาก รวมถึงเหรียญทอง 38 เหรียญ เหรียญเงิน 26 เหรียญ และเหรียญทองแดง 15 เหรียญ ทำให้ทั้งหมดเป็น 79 เหรียญ แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของนักกีฬาที่มีต่อการแข่งขัน
ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถในการแข่งขันของนักกีฬาและทีมงานโค้ชเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความพยายามและความตั้งใจในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ความสำเร็จเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นต่อไปในการสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมและสร้างชื่อเสียงให้กับสถาบัน
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ได้มีการปิดโครงการแข่งขันกีฬาชาติพันธุ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานในพิธี ซึ่งโครงการนี้จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งสร้างเวทีให้เยาวชนและประชาชนทุกชาติพันธุ์ได้แสดงความสามารถทางกีฬา การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสในการออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเข้าใจและความสามัคคีระหว่างชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
รายละเอียดการแข่งขันกีฬาชาติพันธุ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ณ โรงเรียนเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน เทศบาล 3 แผนกประถมศึกษา ในช่วงเช้าของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เป็นประธานในพิธีปิดโครงการแข่งขันกีฬาชาติพันธุ์ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมกีฬาพัฒนาสุขภาวะกลุ่มด้อยโอกาส ตลอดระยะเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 6 ประเภท แบ่งเป็นกีฬาพื้นบ้าน 4 ชนิด และกีฬาสากล 2 ชนิด รวมนักกีฬาที่เข้าร่วมกว่า 150 คน ซึ่งแต่ละประเภทกีฬาได้รับความสนใจจากผู้ชมและนักกีฬาเป็นอย่างมาก
สำหรับการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน มีการจัดการแข่งขันในรูปแบบที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมท้องถิ่น เช่น การวิ่งพลัดแบกก๋วย การกลิ้งครก การตักน้ำใส่กระบอก และการชักเย่อ ส่วนกีฬาสากลประกอบด้วยฟุตซอลและเซปักตะกร้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้สร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและเป็นกันเองให้แก่ผู้เข้าร่วม
นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และผู้ปกครองร่วมเป็นเกียรติในพิธีปิด สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของโครงการนี้ต่อการส่งเสริมกีฬาและการพัฒนาสุขภาพท้องถิ่น
การแข่งขันกีฬาชาติพันธุ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเข้าใจและส่งเสริมความสามัคคีระหว่างชุมชนท้องถิ่น ทำให้เยาวชนและประชาชนทุกชาติพันธุ์ได้มีโอกาสแสดงความสามารถและมีเวทีในการออกกำลังกาย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสุขภาพที่ดีและส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ในฐานะผู้สื่อข่าว มองว่าโครงการนี้เป็นการผสมผสานระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและการส่งเสริมกีฬาอย่างลงตัว ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสในการแสดงความสามารถของเยาวชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเข้าใจและความสามัคคีระหว่างคนในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนในอนาคต