ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีตในหมู่บ้าน. พบรถไถนาลากจูงพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวข้าว จอดกลางถนน บริเวณล้อด้านขวาหลังของตัวพ่วง. พบร่างเด็กชายทราบชื่อต่อมา ด.ช.รพีภัทร (สงวนนามสกุล) หรือน้องพี อายุ 7 ปี ลักษณะนอนหงาย ถูกล้อตัวพ่วงดัดแปลง ด้านขวาทับบริเวณช่วงสะโพก อีก 1 ล้อ ทับบริเวณศีรษะกะโหลกแตก เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ.
การกู้ร่างเป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจากลูกพ่วงบรรทุกรถเกี่ยวหนักบวกกับลูกพ่วงไม่น้อยกว่า 10 ตัน. ต้องใช้แม่แรง 2 ตัวช่วยยกตัวรถก่อนจะนำร่างน้องออกมาได้. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
บรรทุกรถเกี่ยวจากการเกี่ยวข้าวจะกลับบ้าน ระหว่างที่ขับรถมาบนถนนขับมาตามปกติแบบช้าๆ เพราะรถหนัก. ยอมรับว่าเห็นเด็กวิ่งว่าวกันอยู่ในไร่อ้อยที่เผาแล้ว ข้างถนน 2 คน. คนหนึ่งปล่อยว่าว อีกคนเป็นคนวิ่ง. จู่ๆ หนึ่งในนั้นวิ่งมาทางรถที่ตนขับมา. ตอนแรกคิดว่าเด็กเห็นรถแล้ว. ทันใดนั้น ได้ยินเสียงดังอยู่ท้ายรถ. จึงจอดดูพบว่ารถทับร่างเด็กแล้ว.
ลูกชายชอบเล่นว่าวเป็นชีวิตจิตใจ. วันก่อนว่าวไปติดอยู่สายไฟฟ้าในหมู่บ้าน. ให้ยายซื้อตัวใหม่ให้. จึงบอกให้พ่อกับแม่ซื้อมาให้ได้วันเดียว. อยากจะให้ตำรวจตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าสาเหตุที่ถูกรถทับมาจากสาเหตุอะไร.
ด้านนางสาวศิราณี (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี แม่น้องพี. ตอนเกิดเหตุตนและสามีไปทำงาน. กระทั่งแม่โทรศัพท์ไปแจ้ง. จึงรีบมา. ปกติลูกชายชอบเล่นว่าวมาก แต่ไม่อยากให้ไปเล่นไกล เพราะกลัวอันตราย. ลูกชายจึงเล่นกับเพื่อนอยู่บริเวณหน้าบ้านซึ่งเป็นไร่อ้อยที่ถูกตัดออกแล้ว. ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายแบบนี้กับลูกชายได้ทั้งที่เตือนและให้ระวัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้องได้รับความสนใจจากเกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon. คนสามารถเข้าถึงข่าวทั้งหมดได้ที่นี่.