เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสงขลาได้ร่วมปฏิบัติการสกัดกั้นยานพาหนะสองคันที่บรรทุกลูกจ้างผิดกฎหมายจากประเทศเมียนมา จำนวน 10 คน โดยมีคนไทยเป็นผู้นำทาง ซึ่งได้รับค่าจ้างในการขนส่งแรงงานเหล่านี้ไปยังประเทศมาเลเซีย การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 วัน และแรงงานแต่ละคนต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมราว 120,000 บาท เมื่อถึงปลายทาง ขณะที่กำลังเคลื่อนย้ายแรงงานเหล่านี้ในเขตอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยานพาหนะและผู้เกี่ยวข้องได้สำเร็จ
เจ้าหน้าที่สามารถหยุดยานพาหนะสองคันที่กำลังขนแรงงานเถื่อนจากเมียนมาได้ในพื้นที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา รถคันแรกเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่ทำหน้าที่นำทาง ส่วนคันที่สองเป็นรถยนต์เอนกประสงค์ที่บรรทุกลูกจ้าง 10 คน ทั้งหมดไม่มีเอกสารการเดินทางที่ถูกต้อง ผู้ขับขี่รถทั้งสองคันเป็นคนไทยและได้รับค่าจ้างในการขนส่งแรงงานเหล่านี้
จากการสอบสวนพบว่า ยานพาหนะทั้งสองคันถูกใช้เพื่อรับแรงงานเถื่อนจากบริเวณชายแดนในจังหวัดสงขลา และเตรียมส่งต่อให้กับผู้รับช่วงต่อในจังหวัดปัตตานี ผู้ขับขี่ทั้งสองคนยอมรับว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างราว 1,500-2,000 บาทต่อเที่ยวในการขนส่งแรงงานเหล่านี้ มีการดำเนินการแบบนี้มาแล้วสองครั้ง หลังจากถูกจับกุม ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
แรงงานเถื่อนทั้งหมดให้การว่าพวกเขาต้องการเดินทางไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้ติดต่อผ่านนายหน้าชาวเมียนมาในมาเลเซีย เพื่อประสานงานกับนายหน้าชาวไทยที่จะพาพวกเขามาถึงปลายทาง การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 วัน แรงงานแต่ละคนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมราว 120,000 บาทเมื่อถึงปลายทาง
แรงงานเถื่อนเหล่านี้มาจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และเดินทางผ่านเส้นทางภาคใต้ของประเทศไทย พวกเขาได้รับคำแนะนำจากนายหน้าให้เดินทางโดยไม่มีเอกสารที่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้พวกเขาเผชิญกับความเสี่ยงและความยากลำบากระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้ แรงงานเถื่อนเหล่านี้ยังต้องเผชิญกับภาวะการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและไร้การคุ้มครองทางกฎหมายในประเทศปลายทาง ดังนั้น การจับกุมครั้งนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อแรงงานเถื่อนและป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ในช่วงเช้าวันที่ 7 เมษายน เกิดเหตุการณ์กระทันหันบนทางหลวงหมายเลข 7 เมื่อรถยนต์ส่วนบุคคลเกิดเสียหลักและพุ่งชนขอบถนน บริเวณกิโลเมตรที่ 1 ขาออก ส่งผลให้สองช่องทางด้านซ้ายถูกปิดกั้น ทำให้การจราจรหยุดชะงักอย่างหนัก เจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการเคลื่อนย้ายยานพาหนะเพื่อแก้ไขสถานการณ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความลำบากให้กับผู้ใช้ทางเป็นจำนวนมาก การจราจรที่เคยเคลื่อนที่อย่างราบรื่นกลับต้องหยุดนิ่งลงอย่างกะทันหัน ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของผู้คนในช่วงเช้าวันทำงาน หลายคนอาจต้องเผชิญกับการมาสายหรือเปลี่ยนเส้นทางในการเดินทาง
เมื่อรถคันดังกล่าวเสียหลักและพุ่งชนขอบถนน มันได้ปิดกั้นช่องทางด้านซ้ายสองช่อง ทำให้ยานพาหนะที่ตามหลังมาต้องหยุดชะงัก หากมองจากภาพรวม จะเห็นได้ว่ามีรถสะสมเป็นจำนวนมาก ทอดยาวไปหลายกิโลเมตร แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการแต่ก็ยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขสถานการณ์
ทันทีที่ทราบถึงเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าพื้นที่ เพื่อประเมินสถานการณ์และวางแผนการแก้ไข พวกเขาได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งเคลื่อนย้ายยานพาหนะออกจากที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งควบคุมการจราจรให้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย
การดำเนินการของเจ้าหน้าที่มีความซับซ้อน เนื่องจากต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้ทางและผู้ประสบเหตุ การเคลื่อนย้ายยานพาหนะออกจากที่เกิดเหตุจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทาง และต้องปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมทางเลือกสำหรับผู้ใช้ทางเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้น