รถ
BYD ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชีย
2025-01-28

ในปี 2024 การจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (EV) ในประเทศไทยลดลง 8.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมียอดจดทะเบียนอยู่ที่ 70,137 คัน แม้จะมีการลดลง แต่ยังคงเห็นความแข็งแกร่งของแบรนด์จากประเทศจีน โดยเฉพาะ BYD ที่ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 38.5% ด้วยยอดขาย 27,005 คัน เหตุผลหลักมาจากกลยุทธ์ในการใช้ไทยเป็นฐานสำคัญสำหรับการเจาะตลาดอาเซียน ทำให้ BYD สามารถยึดตำแหน่งแชมป์ยอดขายได้อย่างต่อเนื่องกว่า 18 เดือน รวมถึงความสำเร็จในสิงคโปร์และญี่ปุ่น ซึ่ง BYD แซงหน้า Toyota และ Tesla ในการครองส่วนแบ่งตลาด EV

BYD ได้เปิดตัวรถรุ่น Atto 3 ในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2022 และเริ่มจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนของปีเดียวกัน ตั้งแต่นั้นมา BYD สามารถยึดตำแหน่งผู้นำในตลาดรถ EV ของไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีรถ 1 ใน 3 คันที่ขายในไทยเป็นของ BYD ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์นี้ นอกจากนี้ BYD ยังใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน

ในสิงคโปร์ หลังจากการเปิดตัว Atto 3 ในเดือนกรกฎาคม 2022 ยอดขายรถ EV ของ BYD เพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2024 โดยมียอดขาย 6,191 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1,416 คันในปี 2023 ทำให้ BYD ครองส่วนแบ่งตลาด 14.4% สูงกว่า Toyota BMW และ Mercedes-Benz ที่ตามมา ขณะเดียวกัน Tesla ก็มียอดขายทะลุ 2,384 คัน เป็นครั้งแรก

ในญี่ปุ่น BYD สามารถแซงหน้า Toyota ในการขายรถ EV เป็นครั้งแรกในปี 2024 โดยมียอดขาย 2,223 คัน เพิ่มขึ้น 54% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดขายของ Toyota ลดลง 30% เหลือเพียง 2,038 คัน นอกจากนี้ ในเกาหลีใต้ BYD ยังประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยยอดจองเกิน 1,000 คัน ภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หลังจากเริ่มจำหน่าย

ความสำเร็จของ BYD ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วเอเชียแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคและการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เหมาะสม ทำให้ BYD กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้อย่างไม่อาจปฏิเสธ

ฟอร์ด ยืนยันศักยภาพในการแข่งขันออฟโรดสุดหฤโหด
2025-01-28

การแข่งขันรถยนต์ออฟโรดที่ถือว่าเป็นหนึ่งในรายการที่ยากที่สุดของโลกได้กลับมาอีกครั้งในปี 2025 ด้วยเส้นทางที่ท้าทายผ่านทะเลทรายอันกว้างใหญ่และภูมิประเทศที่รุนแรง ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ได้นำรถฟอร์ด แร็พเตอร์ T1+ เข้าร่วมในการทดสอบสมรรถนะและความแข็งแกร่งบนถนนที่ไม่เคยมีใครกล้าท้าทายมาก่อน หลังจากการแข่งขันยาวนานตลอด 2 สัปดาห์ ทีมฟอร์ดสามารถแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฝ่าฟันอุปสรรคและคว้าชัยชนะในระดับที่สูงสุดของการแข่งขัน

การแข่งขันดาการ์ แรลลี่ 2025 มีเส้นทางที่ทอดผ่านทะเลทรายของซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะบริเวณ Empty Quarter ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ท้าทายที่สุดบนโลก การแข่งขันนี้ใช้เวลาตลอด 2 สัปดาห์ ผ่านเส้นทางหลายพันกิโลเมตร ที่รวมถึงเนินทรายและหุบเขา ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ นำโดยแมทเทียส เอ็กสตร็อม และ เอมิล เบิร์กควิสต์ สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าอันดับที่ 3 ในคลาส Ultimate ซึ่งเป็นคลาสสูงสุดของการแข่งขัน

สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ฟอร์ดได้เตรียมความพร้อมอย่างมาก โดยนำข้อมูลจากปีที่แล้วมาปรับปรุงและพัฒนารถแข่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รถฟอร์ด แร็พเตอร์ T1+ ถูกออกแบบและปรับแต่งร่วมกับ M-Sport ด้วยเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังและแรงบิดเต็มพิกัด ระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบพิเศษเพื่อรองรับการขับขี่บนเส้นทางที่ท้าทาย รวมถึงระยะห่างจากพื้นที่เพิ่มขึ้นจากโมเดลก่อนหน้านี้ ทำให้รถสามารถผ่านเส้นทางที่ยากลำบากได้อย่างราบรื่น

ผลสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะของรถออฟโรด นอกจากนี้ยังเป็นการยืนยันว่าฟอร์ดมีศักยภาพในการแข่งขันในรายการที่ยากที่สุดของโลก ผ่านการทดสอบบนเส้นทางที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์มานซ์ ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่า

See More
เป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 2568: สู่ความท้าทายและการปรับตัว
2025-01-28

อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยกำลังวางแผนสำหรับปี 2568 โดยมีเป้าหมายในการผลิตรถยนต์รวม 1.5 ล้านคัน เพื่อตอบสนองทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดส่งออก การแบ่งสัดส่วนการผลิตจะเน้นที่การส่งออก 1 ล้านคัน และการจำหน่ายในประเทศ 5 แสนคัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการฟื้นฟูยอดขายหลังจากที่ปี 2567 มียอดผลิตลดลงถึง 19.95% เหลือเพียง 1,468,997 คัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการค้าที่ไม่แน่นอน

แนวโน้มการผลิตในปี 2568 คาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะชดเชยการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโครงการ EV 3.0 ในอัตรา 1.5 เท่า นอกจากนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะอยู่ระหว่าง 2.4-2.9% ตลอดจนมาตรการทางการเงินของภาครัฐ เช่น การแจกเงินให้กับกลุ่มต่างๆ และการลดดอกเบี้ย จะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของประชาชน ทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศสามารถเติบโตขึ้น 8.73% จากปีที่แล้ว

การตั้งเป้าหมายใหม่ในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ว่าจะมีความท้าทายมากมาย แต่ผู้ประกอบการไทยยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถที่ใช้พลังงานทางเลือก ซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

See More