เทศกาลดังกล่าวนำเสนอผลงานภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่หลากหลายจากหลายเมืองในประเทศไทย โดยมีการร่วมมือกับองค์กรและสถานทูตชั้นนำ การจัดงานครั้งนี้ได้นำเสนอภาพยนตร์กว่า 15 เรื่องครอบคลุมหลากหลายแนว เช่น ดราม่า, สยองขวัญ, คอมเมดี้, โรแมนติก และแอนิเมชันที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก หนึ่งในไฮไลต์ของเทศกาลคือภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจซึ่งทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ

ภาพยนตร์แนะนำอย่าง "A Samurai in Time" เป็นเรื่องราวข้ามเวลาที่ผสมผสานระหว่างความขบขันและความอบอุ่นหัวใจ ในขณะที่ "AKIRA" นำเสนอภาพอนาคตที่ชวนให้สะท้อนถึงความคิดเห็นทางสังคมและเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมพิเศษที่นำเสนอภาพยนตร์คลาสสิกที่เคยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้กำกับรุ่นใหม่ ซึ่งทำให้เทศกาลนี้ไม่เพียงแค่เป็นการแสดงภาพยนตร์แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างรุ่นของคนรักภาพยนตร์

เทศกาลดังกล่าวไม่ได้เพียงแค่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ชมภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่หลากหลายเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการเข้าใจระหว่างประเทศ ผ่านทางภาพยนตร์ที่สามารถสะท้อนถึงความคิดและความรู้สึกของผู้คนในสังคมญี่ปุ่น การแสดงภาพยนตร์เหล่านี้ยังเป็นการสนับสนุนศิลปินและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีความสามารถและสร้างสรรค์ นำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นในอนาคต

ความสนใจอย่างล้นหลามได้รับจากภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นโดยผู้กำกับชื่อดังแห่งวงการภาพยนตร์จีน ซึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่อง “มังกรหยก จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่” กลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ชมทั่วโลก การประกาศงานสร้างในครั้งนี้มาพร้อมกับความสำเร็จในการขายตั๋วล่วงหน้าที่ทะลุ 300 ล้านหยวนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังและความสนใจที่สูงมากจากแฟนคลับ

เมื่อพูดถึงผู้กำกับฉีเคอะ เขาคือบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์จีนด้วยความสามารถและความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่ทรงคุณภาพ แม้ว่าเขาจะอายุ 75 ปีแล้ว แต่เขายังคงทำงานอย่างไม่มีเหนื่อยล้า ออกแบบฉากและกระบวนท่าต่อสู้ด้วยตนเอง เพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้ เขายังเลือกนักแสดงหนุ่มเซียวจ้านมาแสดงบทบาทสำคัญของ ก๊วยเจ๋ง ด้วยเหตุผลที่ว่าเซียวจ้านมีความมุ่งมั่นและความสามารถที่โดดเด่น จนทำให้เขาได้รับการยอมรับจากทีมงานและผู้กำกับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำเอาวรรณกรรมชื่อดังของกิมย้งมาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนี้ ด้วยทุนสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท และการนำเสนอศึกยุทธ์ระหว่างเหล่าจอมยุทธกับกองทัพมองโกล ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแค่เป็นความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงคุณค่าของการไขว่คว้าโอกาสและการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมทุกคนที่จะไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ในชีวิต