ความบันเทิง
ไทยเป็นจุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก หลังรัฐบาลเพิ่มสิทธิประโยชน์ถึง 30%
2024-11-13
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้ประกาศแคมเปญแคชรีเบต 30% เพื่อดึงดูดให้บริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของโลกเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย หลังจากการหารือกับ 7 บิ๊กผู้ผลิตภาพยนตร์จากสหรัฐฯ โดยคาดว่าปีหน้ากองถ่ายจะแห่ใช้เงินสร้างหนังในไทยแตะหมื่นล้านบาท

ไทยก้าวสู่จุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก ด้วยนโยบายที่ทรงพลัง

ไทยเป็นจุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์ที่น่าสนใจมากขึ้น

การที่รัฐบาลไทยเพิ่มแรงจูงใจให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับสากล ด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุด (cash rebate) ที่อัตรา 30% และไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการ ทำให้ไทยเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในภูมิภาคสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยรับประกันการลงทุนในอนาคตที่มากขึ้นอีกด้วยในปีที่ผ่านมา มีการถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 450 เรื่องจาก 40 ประเทศในประเทศไทย ซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 190 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท โดยผู้ผลิตภาพยนตร์สหรัฐฯ เป็นกลุ่มนักลงทุนอันดับหนึ่งมีถึง 34 เรื่องไปถ่ายทำในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจและความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการเป็นจุดหมายถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก

การเพิ่มสิทธิประโยชน์ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

รัฐบาลไทยได้ทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศ โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ในรูปแบบของการคืนเงินสูงสุด (cash rebate) ที่อัตรา 30% และไม่กำหนดเพดานคืนเงินสูงสุดต่อโครงการ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่มุ่งสร้างแรงจูงใจให้กับนักลงทุนในกลุ่มดังกล่าวเป็นอย่างมากจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ 7 บริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของสหรัฐฯ ได้แก่ สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐฯ, Walt Disney, HBO/HBO MAX และ Warner Bros. Pictures, Amazon/MGM Studios, Netflix Studio, Sony Pictures Entertainment และ Paramount Pictures Corporation ทำให้มั่นใจว่านโยบายดังกล่าวจะสามารถดึงดูดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำเหล่านี้ให้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากขึ้น

อุตสาหกรรมภาพยนตร์ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจและซอฟต์พาวเวอร์ของไทย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก โดยไทยได้เรียนรู้จากสหรัฐฯ ที่มีการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ในทางธุรกิจอันเป็นเศรษฐกิจที่แข็งแรงที่สุดในโลกสำหรับบริษัทที่เข้ามาลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย จะมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อวัน และช่วยเสริมสร้างความรู้ในการถ่ายทำภาพยนตร์และสร้างงานในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจและซอฟต์พาวเวอร์ของไทยในระยะยาว
ฟิล์ม-รัฐภูมิ และ หนุ่ม-กรรชัย: เมื่อดาราเก่าและใหม่ร่วมงานกันในอดีต
2024-11-13
ในวงการบันเทิงไทย มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้นอยู่เสมอ และล่าสุดก็คือกรณีของนักแสดง-นักร้องดังอย่าง ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่ได้ออกมาเปิดใจถึงคลิปเสียงที่มีการกล่าวอ้างถึง หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก

ความสัมพันธ์ของดาราเก่าและใหม่ที่ร่วมงานกันในอดีต

ความสัมพันธ์ระหว่าง หนุ่ม-กรรชัย และ ฟิล์ม-รัฐภูมิ

หนุ่ม กรรชัย ได้เปิดใจในรายการ "ข่าวใส่ไข่" ถึงความสัมพันธ์ในอดีตที่เคยร่วมงานแสดงกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ โดยเจ้าตัวเผยว่า "20 ปีแล้ว เคยเล่นละครกับ ฟิล์ม" และย้อนหลังไปอีก 6-7 ปี ในช่วงที่ทั้งคู่ร่วมงานกันที่ช่อง 8 ในละครเรื่อง "ล่าดับตะวัน" ซึ่ง ฟิล์ม เล่นประกบกับ กันต์ กันตถาวร และ เมย์ เป็นผู้จัดจากการเปิดเผยของ หนุ่ม กรรชัย จะเห็นได้ว่า ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีในอดีต และเคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในกรณีนี้

ความสัมพันธ์ระหว่าง ฟิล์ม-รัฐภูมิ และ กันต์ กันตถาวร

นอกจากนี้ จากการเปิดเผยของ หนุ่ม กรรชัย ยังเผยว่า ในช่วงที่ทั้งคู่ร่วมงานกันที่ช่อง 8 ในละครเรื่อง "ล่าดับตะวัน" นั้น ฟิล์ม-รัฐภูมิ ได้เล่นประกบกับ กันต์ กันตถาวร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งดาราที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงจากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ฟิล์ม-รัฐภูมิ และ กันต์ กันตถาวร ก็เคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่น่าสนใจในวงการบันเทิง

ความสัมพันธ์ระหว่าง หนุ่ม-กรรชัย และ เมย์

นอกจากนี้ หนุ่ม กรรชัย ยังเปิดเผยว่า ในช่วงที่ทั้งคู่ร่วมงานกันที่ช่อง 8 ในละครเรื่อง "ล่าดับตะวัน" นั้น เมย์ ก็เป็นผู้จัดละครเรื่องดังกล่าวด้วยจากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นได้ว่า หนุ่ม กรรชัย และ เมย์ ก็เคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่น่าสนใจในวงการบันเทิง

สรุป

จากการเปิดเผยของ หนุ่ม กรรชัย จะเห็นได้ว่า ทั้ง หนุ่ม-กรรชัย, ฟิล์ม-รัฐภูมิ, กันต์ กันตถาวร และ เมย์ ต่างก็เคยร่วมงานกันมาก่อนหน้านี้ในอดีต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในกรณีนี้ และสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของดาราเก่าและใหม่ในวงการบันเทิงไทย
See More
ความรักที่ต้องผ่านพายุ: เรื่องราวของอนงค์และวิชัย
2024-11-13
ในโลกของละครพีเรียดรักโรแมนติก "หนึ่งในร้อย" ได้นำเสนอเรื่องราวความรักที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทาย แต่ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความรักที่ลึกซึ้ง ตัวละครหลักอย่างอนงค์และวิชัยได้ก้าวเข้ามาสู่ความสัมพันธ์ที่ต้องเผชิญกับความกดดันจากสังคม และต้องพิสูจน์ความรักของพวกเขาให้ได้รับการยอมรับ

ข่าวดังของอนงค์

อนงค์ (อุรัสยา เสปอร์บันด์) ตกเป็นข่าวดังในแวดวงสังคมว่าหนีตามผู้ชายจนตั้งท้อง เหตุการณ์นี้ได้สร้างความตื่นตระหนกและความสงสัยในหมู่คนรอบข้าง ทุกคนต่างพากันพูดถึงเรื่องราวของอนงค์และพยายามหาข้อเท็จจริง ในขณะที่อนงค์เองก็ต้องเผชิญกับความกดดันและการตัดสินจากสังคม

วิชัยเผชิญพายุ

ในขณะเดียวกัน วิชัย (ธนภพ ลีรัตนขจร) ก็ต้องเผชิญกับพายุคลื่นลูกใหญ่ที่ตรัง ทุกคนในบ้านต่างภาวนาเอาใจช่วยให้เขาปลอดภัย เมื่อวิชัยกลับมาพระนคร เขาก็แจ้งทุกคนในบ้านว่ากำลังจะแต่งงาน ซึ่งทำให้คุณนายชื่น (สุวัจนี พานิชชีวะ) ช็อคเมื่อรู้ว่าเจ้าสาวคืออนงค์

การขอขมาและการเรียกสินสอด

วิชัยรีบเคลียร์ใจกับบรรดาพี่ชายของอนงค์ พร้อมขอขมาสู่ขออนงค์ ด้านพี่ชายคนโต สมพงษ์ (ฐกฤต ตะวันพงค์) เรียกสินสอดแบบจัดเต็ม วิชัยทำทุกวิถีทางเพื่อความรัก และหาเงินสินสอดมาแต่งอนงค์ ความรักของพวกเขาต้องผ่านการทดสอบและการยอมรับจากครอบครัว แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามของวิชัย ความรักของพวกเขาก็ได้รับการยอมรับในที่สุด

ความรักที่ต้องผ่านพายุ

เรื่องราวของอนงค์และวิชัยสะท้อนให้เห็นถึงความรักที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทาย แต่ก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังและความรักที่ลึกซึ้ง พวกเขาต้องพิสูจน์ความรักของตนเองให้ได้รับการยอมรับจากสังคม และต้องเผชิญกับความกดดันจากครอบครัวและสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ด้วยความมุ่งมั่นและความพยายามของทั้งสองฝ่าย ความรักของพวกเขาก็ได้รับการยอมรับในที่สุด เป็นเรื่องราวที่สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความรักที่สามารถเอาชนะอุปสรรคได้
See More