“โค้ชเช” ชัชชัย เช พร้อมทีมงานของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาช่วยผลักดันหลักสูตรเทควันโดให้เป็นส่วนหนึ่งในระบบการศึกษาของ กทม. พร้อมปูทางให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการเรียนเทควันโดได้โดยโค้ชระดับแชมป์โอลิมปิก. นายสุรจิตต์ พงษ์สิงวิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมหารือแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนากีฬาเทควันโดในระดับเยาวชนของกทม. ร่วมกับ นายสิงห์ ลิ้มพิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว.
มี นายชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย และ ชนาธิป ซ้อนขำ ผู้ฝึกสอนและนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ผู้แทนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง เมื่อ 12 ธ.ค.67. นายสุรจิตต์ เผยว่า สภากรุงเทพมหานคร ได้หารือและผลักดันกีฬาเทควันโดสำหรับเด็ก เยาวชน และบุคลากรทางการกีฬาในกรุงเทพมหานคร พร้อมแต่งตั้ง “โค้ชเช” ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย เป็นที่ปรึกษาประธานสภากรุงเทพมหานคร.
ในที่ประชุมได้มีหารือถึงแนวทางการเปิดสอนหลักสูตรกีฬาเทควันโดสำหรับเด็กและเยาวชนในกรุงเทพมหานคร และหลักสูตรสำหรับผู้ฝึกสอนให้กับบุคลากรทางการกีฬาในกรุงเทพมหานคร. เพื่อให้ผู้ฝึกสอนสามารถพัฒนาศักยภาพ เพิ่มทักษะ พร้อมนำเทคนิคการสอนและการฝึกซ้อมใหม่ๆ มาพัฒนาศักยภาพของเยาวชนได้อีกด้วย. สมาคมกีฬาเทควันโดฯ จะเป็นผู้พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียน พร้อมสนับสนุนวิทยากรตลอดหลักสูตรการฝึกอบรม.
นายสุรจิตต์ ยังได้โพสต์ข้อความผ่านทางเพจเฟซบุ๊คของตัวเองอีกด้วยว่า “ครั้งนี้ผมได้แต่งตั้งโค้ชเช ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานสภา กทม. เพื่อผลักดันให้หลักสูตรเทควันโดเป็นส่วนหนึ่งในระบบการศึกษาของ กทม. เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการเรียนเทควันโดได้โดยโค้ช ระดับแชมป์โอลิมปิกครับ”.
ประเทศไทยได้บรรลุเป้าหมายการทำหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเมื่อ 22 ปีที่แล้ว, ทำให้คนไทยมากกว่า 99% เข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ. รัฐบาลไทยยังเปิดตัวโครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” เพื่อให้ผู้มีสิทธิบัตรทองกว่า 47 ล้านคนเข้ารับบริการสุขภาพในหน่วยบริการที่อยู่นอกเหนือจากสถานพยาบาลที่กำหนดไว้.
ในด้านการต่างประเทศ,ไทยได้รับเลือกเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมให้สุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน. ในปีนี้,ไทยยังแสดงเจตจำนงค์ผลักดันการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค.
น.ส.ไซมา วาเซด ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (WHO SEARO) กล่าวว่าระบบสุขภาพถ้วนหน้าจะยั่งยืนได้ต้องบูรณาการการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค. การป้องกันโรคมากกว่าการรักษาและลดภาระต่อระบบสุขภาพโดยหลีกเลี่ยงการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงเป็นวิธีสำคัญ. รวมทั้งควรลงทุนในมาตรการป้องกันอื่นๆ เช่น รณรงค์ฉีดวัคซีน.
ด้านนอกจากนี้,ไทยยังดำเนินการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายบุคลากรด้านสุขภาพและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน.
การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมหาศาล. ทำให้วัยแรงงานมีสุขภาพดี, ลดการขาดงานและเพิ่มผลผลิต. ช่วยให้ประชากรแก้อย่างมีคุณภาพ, ปราศจากความพิการและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร.
ที่ผ่านมาไทยได้เข้าร่วมประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติและเป็นตัวอย่างของการมีส่วนร่วมที่มีประสิทธิภาพในการออกแบบนโยบายด้านสุขภาพและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า.
ในด้านแพทย์ชนบท, นายรัศม์ ยังได้แสดงความยินดีกับกลุ่มแพทย์ชนบท ที่ได้รับรางวัลรามอน แมกไซไซ (Ramon Magsaysay) ประจำปี 2567 จากความพยายามต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมด้านสุขภาพมานานานับทศวรรษ.