นักแสดงสาวที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการบันเทิงได้อย่างรวดเร็วด้วยความสามารถและความสวยงามที่ไม่ธรรมดา คือ เดนิส เจลีลชา ผู้ที่ปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นนางเอกละครเย็นแล้ว เธอมีผลงานละครที่หลากหลายและโดดเด่นในบทบาทต่างๆ ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นที่จับตามองของแฟนละครมากมาย

เดนิส เจลีลชา ได้ประเดิมผลงานละครเรื่องแรกในละครเรื่อง "กลเกมรัก" ซึ่งเธอสามารถแสดงบทบาทร้ายออกมาได้อย่างน่าประทับใจ จนทำให้แฟนละครหลงรักเธออย่างมาก หลังจากนั้นเธอยังคงพิสูจน์ความสามารถในการแสดงผ่านละครหลายเรื่อง เช่น "ดวงใจเทวพรหม" ในตอน "ลออจันทร์" ที่เธอแสดงฝีไม้ลายมือได้ไม่ธรรมดา หรือละครเรื่อง "ผู้บ่าวสุดซ่าส์กะอีหล่าขาซิ่ง" ที่เธอได้ร่วมงานกับนักแสดงหนุ่มอย่างสมิธ ภาสวิชญ์ และการแสดงบทบาทที่ท้าทายความสามารถของเธอ

นอกจากนี้ เธอยังได้แสดงละครเย็นที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ คือ "อีบัวกับไอ้ขวัญ" โดยเธอได้ประกบคู่กับนักแสดงชายชื่อดังอย่างเพื่อน คณิน ซึ่งทำให้เรตติ้งละครเย็นนี้พุ่งขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้เธอยังมีผลงานใหม่อย่าง "สิ้นแสงตะวัน" ที่เธอได้ประชันบทบาทกับนักแสดงหญิงคนอื่นๆ อย่างจีน่า ญีนา และน้ำฟ้า ธัญญภัสร์

บนจอเงิน เดนิส ก็ได้แสดงภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก อย่าง "ธี่หยด" ที่เธอได้รับบทบาทเป็นหยาด และภาพยนตร์ภาคต่อ "ธี่หยด 3" ที่เธอยังคงร่วมแสดงอยู่ เธอจึงเป็นนักแสดงที่มีความสามารถครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงบนจอเล็กหรือจอใหญ่ ด้วยความงามและความสามารถของเธอ อนาคตในฐานะนางเอกลูกรักของวิกสามนั้นคงไม่ไกลเกินเอื้อม

การแสดงของเดนิส เจลีลชา ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั้งในละครและภาพยนตร์ เธอสามารถเปลี่ยนแปลงบทบาทได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพและอนาคตที่สดใส ด้วยความสามารถและความพยายามของเธอ คาดว่าเธอจะสามารถสร้างชื่อเสียงในวงการบันเทิงไทยได้อย่างแน่นอน

เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและบทเรียนชีวิตเกิดขึ้นที่สถาบันสอนการแสดงแห่งหนึ่ง ในเรื่องราวของเด็กๆ สองกลุ่มที่มีความแตกต่างทางคิดและพฤติกรรม เรื่องราวเริ่มต้นจากความไม่เข้าใจระหว่างกลุ่มนักเรียน AnnYeong Bee และ Strom Bee ซึ่งมักจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอยู่เสมอ จนกระทั่งสมาชิกคนหนึ่งในโรงเรียนได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาตลอดไป เมื่อความปรารถนาที่ไร้เดียงสาของเธอทำให้ทุกคนต้องย้อนเวลากลับไปสู่อดีต

เมื่อเด็กๆ พบว่าตนเองกำลังอยู่ในโลกที่แตกต่างออกไป พวกเขาได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตแบบโบราณ การเรียนรู้นี้ทำให้พวกเขาเห็นคุณค่าของชีวิตที่ไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยี รวมถึงการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะเดียวกัน พวกเขายังได้สร้างมิตรภาพใหม่ๆ กับผู้คนในอดีต จนกระทั่งพวกเขาสามารถกลับมาที่โลกอนาคตได้อีกครั้ง แต่ทว่า ยังคงมีความไม่คาดคิดเกิดขึ้นเมื่อมีสมาชิกคนหนึ่งจากอดีตตามพวกเขามาด้วย

เรื่องราวของการผจญภัยข้ามเวลาของเหล่านักเรียนนี้ สอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการเปิดใจยอมรับความแตกต่างและความสามารถในการทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาที่ยากลำบาก ทั้งหมดนี้ยังแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะอยู่ในยุคสมัยใด เราสามารถเรียนรู้และเติบโตขึ้นได้จากการเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ