เมื่อคืนวันที่ 13 มกราคม เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าวัดบางสมัคร จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากเวลา 21.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์ชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าในบริเวณใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากการล้มของเสาไฟฟ้าถึงสามต้น ซึ่งยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของรถที่ก่อเหตุดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาและตามหาผู้รับผิดชอบ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ตามรายงานของตำรวจ ในขณะที่รถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วีคันหนึ่งกำลังวิ่งไปตามถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าวัดบางสมัคร แต่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าทำไมจึงเกิดการชนเข้ากับเสาไฟฟ้าหน้าหมู่บ้านแกรนด์ ผลจากการชนทำให้เสาไฟฟ้าหักลงมาและทับบนหลังคารถ สร้างความเสียหายอย่างมาก นอกเหนือจากเสาไฟฟ้าที่ถูกชนแล้ว ยังมีอีกสองต้นที่ล้มลงในบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้ไฟฟ้าดับในวงกว้าง

เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พวกเขาพบว่าไม่มีใครอยู่ภายในรถ และไม่สามารถติดต่อผู้ขับขี่ได้ แม้จะทำการตรวจสอบรอบบริเวณโดยละเอียด แต่ก็ไม่พบเบาะแสของผู้ที่ควบคุมรถในตอนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงต้องประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าที่เสียหายอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบทะเบียนรถเพื่อติดตามหาเจ้าของรถที่ต้องรับผิดชอบในการทำลายทรัพย์สินของราชการ

การตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในบริเวณนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามหาผู้ที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การทำงานร่วมกับหน่วยงานการไฟฟ้าในการซ่อมแซมระบบไฟฟ้าที่เสียหาย ก็ทำให้ประชาชนในบริเวณใกล้เคียงสามารถใช้ไฟฟ้าได้ปกติอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

เมื่อเช้าตรู่วันที่ 13 มกราคม 2568 เกิดเหตุการณ์ชนหลายคันบนถนนสายศรีประจันต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยนำผู้บาดเจ็บไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีรถสัญจรหนาแน่น การจราจรอาจได้รับผลกระทบจากการเกิดเหตุดังกล่าว

ตามรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณถนนหมายเลข 340 ขาเข้าศรีประจันต์ ใกล้วัดพยัคฆาราม (หรือที่รู้จักกันในชื่อวัดเสือ) ในอำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 07.20 น. และเป็นช่วงที่มีรถยนต์จำนวนมากกำลังเดินทางเข้าสู่เมือง

สาเหตุของการชนครั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน แต่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและระดับแสงที่ไม่เพียงพอในช่วงเช้ามืด รวมถึงความหนาแน่นของรถที่ใช้เส้นทาง ทำให้เกิดการชนต่อเนื่องระหว่างรถยนต์หลายคัน

ทันทีที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งมีผู้บาดเจ็บจำนวน 5 คน ได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและปลอดภัย พร้อมทั้งประสานงานกับโรงพยาบาลเพื่อนำตัวผู้บาดเจ็บไปรักษาต่อ

เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้เส้นทางที่ผ่านมาในช่วงเช้า ทำให้เกิดความแออัดและการชะลอตัวของจราจร สำนักงานขนส่งและตำรวจทางหลวงได้ดำเนินการควบคุมการจราจร เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำซ้อนและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ถนน