เมื่อสิ้นปีที่แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทปิกอัพและ SUV ประสบกับภาวะถดถอย โดยเฉพาะยอดขายของอีซูซุที่ลดลงอย่างรุนแรงถึง 40% บริษัทจึงตอบสนองด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่สำหรับรถ Isuzu D-Max และ MU-X พร้อมจัดทริปทดสอบสมรรถนะในประเทศเวียดนาม เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่นี้
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีซูซุได้นำพาสื่อมวลชนเดินทางข้ามชายแดนจากจีนเข้าสู่เวียดนาม เพื่อร่วมทดสอบสมรรถนะของรถดีแมคซ์และมิว-เอ็กซ์ 9 คันที่ใช้เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่ บนเส้นทางจากเมือง Long Son ไปยัง Ha Long และ Hanoi ระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร
เส้นทางทดสอบประกอบด้วยถนนลูกรังและถนนดำสลับกัน มีการก่อสร้างตลอดเส้นทาง ส่งผลให้การขับขี่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่รถทั้งหมดสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น เครื่องยนต์ใหม่ให้กำลังแรงกว่ารุ่นก่อนหน้า 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ การออกแบบระบบรองรับใหม่ยังช่วยลดแรงกระแทกจากการขับขี่บนถนนขรุขระ ขณะเดียวกัน ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการสะดุดระหว่างเปลี่ยนเกียร์
ในช่วงเช้าของวันที่สอง ผู้ทดสอบได้ลองขับเองบนถนนทางหลวงระหว่าง Ha Long และ Hanoi ระยะทาง 170 กิโลเมตร พบว่ารถมีความคล่องตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทดสอบในสนามแข่งขันที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้
ทริปทดสอบนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญของอีซูซุในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบต่างๆ สำหรับรถปิกอัพและ SUV ใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังเน้นการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงบนท้องถนน
การทดสอบบนเส้นทางที่หลากหลายในเวียดนามเป็นการยืนยันถึงความสามารถของรถรุ่นใหม่ในการรับมือกับสภาพถนนที่แตกต่างกัน รวมถึงการปรับตัวให้เข้ากับกฎจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ในประเทศต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้บริโภค นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีซูซุได้กลับมาแข่งขันในตลาดรถปิกอัพและ SUV อย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในแขวงสาละวัน สปป.ลาว รถทัวร์ที่บรรทุกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 25 คน ซึ่งรวมถึงผู้บาดเจ็บสาหัส 11 คน และผู้บาดเจ็บระดับปานกลาง 3 คน หลังจากนั้น ผู้บาดเจ็บได้รับการส่งตัวเข้ามารักษาในประเทศไทยผ่านทางช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีการเตรียมความพร้อมในการรักษาจากโรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่ รวมถึงการบริจาคเลือดเพื่อสนับสนุนการรักษา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปท่องเที่ยวในแขวงสาละวัน สปป.ลาว แต่ระหว่างการเดินทาง รถทัวร์ที่บรรทุกพวกเขาได้ประสบอุบัติเหตุชนต้นไม้ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ของจังหวัดอุบลราชธานีได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวและได้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บที่ต้องการการรักษาฉุกเฉิน
ว่าที่ พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้ประสานงานกับโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์และโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรักษาผู้บาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีการรวบรวมจิตอาสาเพื่อบริจาคเลือด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการรักษาผู้บาดเจ็บที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาด่วน
ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการส่งตัวเข้ามารักษาในประเทศไทย โดยมีการกระจายผู้บาดเจ็บตามอาการไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในอำเภออื่นๆ และในเมืองอุบลราชธานี ซึ่งโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมในการรักษาอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ทางการไทยยังได้ประสานงานกับทางการลาวเพื่อติดตามรายละเอียดของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
การตอบสนองอย่างรวดเร็วและการเตรียมความพร้อมในการรักษาผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความสามารถในการจัดการเหตุฉุกเฉินของจังหวัดอุบลราชธานี รวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการการรักษาด่วน
เมื่อเช้าตรู่ของวันที่ 26 มกราคม 2568 เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดบนถนนในแขวงสาละวัน สปป.ลาว เมื่อรถบัสเส้นทางเวียงจันทน์-ปากเซเกิดไถลออกนอกถนนและชนต้นไม้ ทำให้มีผู้โดยสารจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถานพยาบาลท้องถิ่น เนื่องจากมีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ต้องการการดูแลอย่างเร่งด่วน ทางการลาวได้ขอความช่วยเหลือจากจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อให้การสนับสนุนด้านการแพทย์แก่ผู้บาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านภูดาวแจ้ง อำเภอละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน โดยรถบัสที่ประสบเหตุมีผู้โดยสารรวมทั้งหมด 43 คน ซึ่งบางส่วนได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกและการตกหล่นภายในยานพาหนะ โรงพยาบาลจำปาสักในประเทศลาวไม่สามารถรองรับผู้บาดเจ็บได้ทั้งหมดเนื่องจากขาดแคลนทรัพยากรและความพร้อมในการรักษา
ทางการไทยได้ตอบสนองต่อคำขอความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว โดยมีการประสานงานระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานสาธารณสุข และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับผู้บาดเจ็บที่จะเดินทางมาถึงประมาณเวลา 14.00 น. ทีมแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างเหมาะสม เพื่อให้บริการฉุกเฉินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้
การตอบสนองอย่างทันท่วงทีของฝ่ายไทยแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความช่วยเหลือระหว่างประเทศในการเผชิญกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ผู้บาดเจ็บ 14 คนจะได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งในลาวและประเทศไทย