journalfront

รถ

สุดสลด: รถกระบะชนเสาไฟฟ้า 4 รายเสียชีวิตจากความเร็วสูง

2024-11-30

เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ร.ต.อ.ชม ชูรัตน์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักหลุดโค้งชนเสาไฟฟ้า บริเวณถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ชยางกูร) ฝั่งขาออกเมือง โค้งปั๊มน้ำมันบ้านดงหมู หมู่ 10 ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตติดในรถยนต์ จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลนครพนม เจ้าหน้าที่กู้ชีพ 1669 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม จุดเมือง วีอาร์กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพ กู้ภัยศรีสัตตนครพนม และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุและภาพหลักฐาน

พบสภาพรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ 4 ประตู สีขาว สภาพเสียหลักชนเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ พังเสียหายทั้งคัน แถบรถด้านขวาพับงอเข้ากับเสาหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูง มีผู้เสียชีวิตเป็นชายลักษณะศีรษะโผล่ออกมานอกรถ

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้น ทราบชื่อคนขับที่เสียชีวิตติดคาซากรถยนต์ คือ นายปวริศ ทันหอ อายุ 30 ปี หรือ อาร์ ชาวบ้านหนาด ต.นากลาง อ.เมือง นครพนม โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ในตัวเมืองนครพนม รวม ทั้ง 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ขากลับ จากข้อมูลหลักฐานกล้องหน้ารถยนต์ พบว่าขับด้วยความเร็วสูง พอถึงโค้งจุดเกิดเหตุ เชื่อว่าคนขับไม่ชินทาง เนื่องจากเป็นโค้งอันตราย ทำให้รถยนต์เสียหลัก ลักษณะท้ายสะบัดหลุดโค้ง เป็นเหตุให้พุ่งชนเสาไฟฟ้า จนเสียชีวิตคาที่

ผู้เสียชีวิตและสถานการณ์

นอกจากนี้ ยังพบมีผู้โดยสาร เสียชีวิตติดในซากรถ รวม 4 ราย ทั้งคนขับ เป็นชาย 2 ราย และหญิง 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตัดถ่าง และอุปกรณ์อื่นๆ พยายามนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถยนต์ ใช้เวลา นับ 2 ชั่วโมง เพราะร่างถูกอัดจนติดคาด้วยโครงเหล็ก โดยประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำรถเครนมาช่วยตัดเสาไฟฟ้า เพื่อให้กู้ภัยทำงานได้สะดวก จนนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากรถกระบะได้

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ เบื้องต้น สามารถได้ชื่อและสถานการณ์ของผู้เสียชีวิตได้ คนขับที่เสียชีวิตคือ นายปวริศ ทันหอ อายุ 30 ปี หรือ อาร์ ชาวบ้านหนาด ต.นากลาง อ.เมือง นครพนม โดยก่อนเกิดเหตุ ได้ไปเที่ยวกับเพื่อน ในตัวเมืองนครพนม รวม ทั้ง 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ขากลับ จากข้อมูลหลักฐานกล้องหน้ารถยนต์ พบว่าขับด้วยความเร็วสูง พอถึงโค้งจุดเกิดเหตุ เชื่อว่าคนขับไม่ชินทาง เนื่องจากเป็นโค้งอันตราย ทำให้รถยนต์เสียหลัก ลักษณะท้ายสะบัดหลุดโค้ง เป็นเหตุให้พุ่งชนเสาไฟฟ้า จนเสียชีวิตคาที่

ผลการตรวจสอบและความคิดเห็น

ตรวจสอบหลักฐาน พบภาพหลักฐานจากกล้องหน้ารถยนต์ กระบะ อีซีซุ 4 ประตู บันทึกชัดเจน ก่อนเกิดเหตุ เสียหลักหลุดโค้ง ชนกับเสาไฟฟ้า แรงสูงขนาดใหญ่ เชื่อว่าสาเหตุมาจากการใช้ความเร็วสูง ไม่ชินทาง ทำให้รถยนต์เสียหลักขณะเข้าโค้ง พุ่งชนเสาไฟฟ้า จนพังเสียหาย และมีผู้เสียชีวิต ถึง 4 ราย

จากการตรวจสอบและการศึกษาในระดับหลักฐาน สามารถสรุปได้ว่าสาเหตุหลักของเหตุการณ์นี้คือการใช้ความเร็วสูงไม่ชินทาง ซึ่งทำให้รถยนต์เสียหลักและพุ่งชนเสาไฟฟ้า จนเกิดความเสียหายและผู้เสียชีวิต ถึง 4 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวังและดูแลอย่างดี

ในเวลา 00.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ต.ท.ไอศวรรย์ ปฐมสันติพงศ์ สว. (สอบสวน) สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ซึ่งเกิดจากเสียหลักชนขอบสะพานกลับรถ. ผู้ขับรถตกลงมาและได้รับบาดเจ็บ บนถนนสายเอเชีย ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 11 ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา. ประสานสมาคมอยุธยารวมใจ ได้ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างรวดเร็ว.

"อุบัติเหตุรถจักรยานยนต์และการช่วยเหลือที่สำคัญ"

ภาพของอุบัติเหตุ

หนุ่มขี่จยยได้เสียหลักพลิกคว่ำ และรถร่างลอยละลิ่ว 12 ม. เจ็บสาหัส. บนสะพานกลับรถ ความสูงประมาณ 12 เมตร และรถฮอนด้าเวฟ สีเทา ล้มคว่ำอยู่กลางสะพาน. รถได้รับความเสียหาย แต่มีรอยครูดกับพื้นของสะพานไม่มีร่องรอยถูกรถเฉี่ยวชน.

ชาวบ้านที่ผ่าน-by สามารถเห็นภาพที่แหล่งที่ 1 ได้. ความรุนแรงของอุบัติเหตุทำให้ผู้บาดเจ็บได้รับบาดแผลตามร่างกาย และใบหน้าเป็นอาการแย่.

การช่วยเหลือและการปฐมพยาบาล

เมื่อเจ้าหน้าที่เร่งรับแจ้ง, เขาก็นำขึ้นมาบนถนนทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนเคลื่อนย้ายนำส่งโรงพยาบาลบางปะอิน. ผู้บาดเจ็บยังโชคดีที่ตกลงมาบริเวณป่าหญ้า ไม่ต้องลงมากระแทกถนน แต่ต้องตรวจสอบเช็กอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง.

เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยา รวมใจ ได้รับแจ้งมีรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำบนสะพานกลับรถ. คนขับตกลงมาจากสะพานได้รับบาดเจ็บ, และเจ้าหน้าที่รีบมาตรวจสอบและทำการปฐมพยาบาลให้ผู้บาดเจ็บได้รับความรักษา.

ความคาดหวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานในเบื้องต้น, ผู้บาดเจ็บน่าจะขับขี่รถจักรยานยนต์มาด้วยความเร็ว เพื่อนขึ้นสะพานกลับกรถจากฝั่งขาออกกรุงเทพมหานคร. เมื่อถึงช่วงทางโค้ง, รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ จนร่างกระเด็นตกลงมาจากสะพานได้รับบาดเจ็บ.

เจ้าหน้าที่จะประสานตามญาติของผู้บาดเจ็บดำเนินตามขันตอนของกฎหมายต่อไป เพื่อให้ผู้บาดเจ็บได้รับความรักษาและความเสร็จสิ้น.

“บิ๊กเอ” ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ได้รับความไว้วางใจจากสโมสรสมาชิกให้นั่งนายกสมัยที่ 7 อย่างเป็นเอกฉันท์อีก 4 ปี โดยจะดำรงตำแหน่งในวาระใหม่ระหว่างปี 2567 - 2571 เจ้าตัวขอบคุณทุกความไว้วางใจ พร้อมวางเป้าพัฒนาวงการต่อเนื่องในทุกมิติ เพื่อโอกาสคว้าเหรียญโอลิมปิกเกมส์ 2028 อีกครั้ง. “บิ๊กเอ” นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2567 สมาคมกีฬาเทควันโดฯ ที่โรงแรมอเล็กซานเดอร์ ถ.รามคำแหง เมื่อ 30 พ.ย.67 โดยมีวาระสำคัญ คือ การเลือกตั้งนายกสมาคมฯในวาระใหม่ โดยมีสโมสรสมาชิกเข้าร่วมประชุม 118 สโมสรเข้าร่วมประชุม จากสมาชิกทั้งหมด 129 สโมสร. ประธานกล่าวว่า การทำงานในวาระที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทั้งในซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, โอลิมปิกเกมส์ และรายการต่างๆ ที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งต้องขอบคุณทุกสโมสรสมาชิก นักกีฬา โค้ช และทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องที่ช่วยกันสร้างความสำเร็จให้วงการเทควันโดไทยมาตลอด.

การเลือกตั้งนายกและภารกิจหลังจากนั้น

ด้านวาระการเลือกตั้งนายกสมาคมฯในวาระใหม่ ผศ.พิมล ได้สมัครชิงตำแหน่งเพียงคนเดียว และสโมสรสมาชิกได้ยกมือสนับสนุนให้ ผศ.พิมล เป็นนายกสมัยที่ 7 อย่างเป็นเอกฉันท์ โดย ผศ.พิมล จะดำรงตำแหน่งในวาระใหม่ระหว่างปี 2567 - 2571. ผศ.พิมล กล่าวว่า ขอบคุณสโมสรสมาชิกที่ให้ความไว้วางให้ตัวเองกลับมาทำงานอีกสมัย. เมื่อมองไปข้างหน้ายังมีภารกิจอีกมากมาย ก็ต้องเดินหน้ากันต่อ เพราะเวลา 4 ปีที่จะไปถึงโอลิมปิกนั้นไม่นาน. อีกไม่นานโอลิมปิก แอลเอ 2028 จะถึงแล้ว ก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการคว้าเหรียญมาให้ได้อีก. ซึ่งภารกิจหลังจากนี้ต้องเดินหน้าเก็บคะแนนสะสมอันดับโลก เพื่อให้ได้โควตาโอลิมปิก. การไปแข่งขันเก็บคะแนนนั้นก็ทำให้นักกีฬาได้เก็บประสบการณ์ด้วย. ครั้งนี้สหพันธ์เทควันโดโลกได้เซตซีโร่ให้ทุกคนเก็บคะแนนใหม่ทั้งหมด จึงต้องส่งแข่งขันไปทั่วโลก โดยเฉพาะในทวีปยุโรปที่มีรายการแข่งขันจำนวนมาก แต่ก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก. ซึ่งไม่ได้มองเรื่องเงินเป็นตัวตั้ง แต่มองที่เหรียญรางวัล คะแนนและโควต้าโอลิมปิกเป็นตัวตั้ง. หวังว่าในแอลเอ 2028 จอมเตะไทยจะได้โควต้าไปลุ้นเหรียญรางวัล 4 คน.ผศ.พิมล ได้มีการมอบโล่เกียรติยศให้กับ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย จากการที่รับใช้ชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ที่ได้ประกาศเลิกเล่นเทควันโดไปแล้ว.นายกสมาคมกีฬาเทควันโดฯ กล่าวว่า เทนนิสอยู่กับทีมชาติมาตั้งแต่อายุ 12 ปี ได้แชมป์และรางวัลมาทั้งหมดแล้ว. มีทั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเท ซ้อมพิเศษเพื่อทำให้ตัวเองเก่งและพร้อมขึ้นเสมอ. เป็นแบบอย่างที่ดีของรุ่นน้อง. สำหรับตัวเองเทนนิสเหมือนคนในครอบครัว. ถึงจะเลิกเล่นเทควันโดแล้ว แต่ก็มองว่าเป็นบทใหม่ของชีวิตเทนนิส. ขอบคุณที่นำชื่อเสียงมาให้สมาคม วงการเทควันโด และคนไทยทั่วประเทศ. เมื่อเป็นสมาชิกของครอบครัวเทควันโดแล้ว. แม้ว่าจะเลิกเล่น ก็จะเป็นตลอดไป.