นักข่าวสาวชาวจอร์เจียได้ใช้เวลานานถึง 8 ปีในการตามหาพ่อแท้ๆ ของตนเอง. แต่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดคือการเปิดโปงคดีค้าเด็กสุดสะเทือนขวัญ. หลังจากความเสียหายของแม่บุญธรรมในปี 2016, เธอเริ่มสงสัยว่าพวกเธออาจเป็นเด็กที่ถูกรับเลี้ยงมา.

การสร้างกลุ่มในเฟซบุ๊กและความรู้สึกหลังจากนั้น

มูเซริเซได้สร้างกลุ่มในเฟซบุ๊กชื่อ "Vedzeb" เพื่อหวังตามหาพ่อแม่แท้ๆ. แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้เปิดโปงคดีค้าเด็กสุดสะเทือนขวัญในอดีตของจอร์เจีย. เธอต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าพ่อแท้ๆ ของเธอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กมานานกว่า 3 ปี.

ในฐานะนักข่าว, เธอได้ช่วยให้หลายร้อยครอบครัวได้กลับมาพบกันอีกครั้ง. แต่จนกระทั่งฤดูร้อนปีนี้, เธอจึงสามารถคลี่คลายปริศนาชีวิตของตัวเองได้.

เมื่อได้ทราบว่าเขามีลูกสาวอีกคน, โคระวา รู้สึก “ดีใจสุดๆ”. ชายวัย 72 ปี รายนี้เคยเป็นนักเต้นชื่อดังของคณะบัลเลต์แห่งชาติจอร์เจีย.

เรื่องราวของแม่แท้ๆ และการตั้งครรภ์

แม่แท้ๆ ของมูเซริเซในอดีตปกปิดการตั้งครรภ์ของตนเองเนื่องจากความอับอาย และได้ให้กำเนิดลูกสาวโดยลับๆ ก่อนจะส่งเธอไปให้ครอบครัวอื่นเลี้ยง. แม้ว่าปัจจุบันทั้งสองแม่ลูกจะได้กลับมาพบกันแล้ว แต่แม่แท้ๆ ของมูเซริเซกลับขอให้ลูกสาวโกหกว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของคดีค้ามนุษย์ทารก. เมื่อมูเซริเซปฏิเสธ, ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกก็จบลงและทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย.

ผลลัพธ์ของการทดสอบ DNA และความรู้สึกหลังจากนั้น

หลังจากมูเซริเซเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนเฟซบุ๊ก และขอคำแนะนำเพิ่มเติม, ผู้หญิงคนหนึ่งตอบกลับมาและบอกว่าแม่แท้ๆ ของมูเซริเซคือป้าของเธอ. ผลออกมาว่ามูเซริเซและผู้หญิงคนนี้เป็นญาติร่วมสายเลือด. เธอต้องตกตะลึงเมื่อพบว่า พ่อแท้ๆ ของเธอเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กกับเธอมานานถึง 3 ปี.

เมื่อโคระวาได้รู้สึกดีใจสุดๆ หลังจากที่ได้รู้ว่าพวกเขามีลูกสาวอีกคน, เธอมีความสัมพันธ์แค่ชั่วคราวเท่านั้นกับแม่แท้ๆ ของมูเซริเซ.

เรื่องราวการตามหาครอบครัวของมูเซริเซเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในจอร์เจีย และพ่อแท้ๆ ของเธอก็ได้ติดตามเรื่องราวนี้ แต่เขากลับไม่รู้เลยว่าเขาคือส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้เอง.

วันที่ 3 ธ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวัดชัยภูมิจัดแถลงข่าวความพร้อมจัดงานประเพณีตีคลีไฟ ซึ่งเป็นกีฬาฤดูหนาวแห่งเดียวในโลก. การจัดงานจะเกิดระหว่างวันที่ 20 - 22 ธันวาคม 2567 ณ วัดแจ้งสว่าง บ้านหนองเขื่อง ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ. นางสาวอรอาภาโล่ห์วีระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิเป็นประธานในการแถลงข่าว พร้อมด้วยหลายบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับกิจกรรมนี้.

ความสำคัญของกิจกรรมนี้

จังหวัดชัยภูมิมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวมากและมีความอุดมสมบูรณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมและประเพณี. เช่น ประเพณีบุญกระธูปออกพรรษาที่อำเภอหนองบัวแดง, แห่นาคโหดที่อำเภอภูเขียว, ผีสุ่มที่บ้านเสี้ยวน้อย ต.บ้านเล่า อ.เมือง และงานประเพณีตีคลีไฟ. นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวตำบลกุดตุ้ม เช่น การแข่งขันตีคลีโหลน, ตีคลีไกล, การแข่งขันตีคลีไฟ, การแข่งขันเรือพาย และกีฬาพื้นบ้าน.

ประวัติของคลีไฟ

คลีไฟ (KLEE-FIRE) เป็นการละเล่นที่แปลกและท้าท้าย. หาดูได้ยากมากและจะมีแห่งเดียวในเมืองไทยหรือในโลกก็ว่าได้ที่บ้านหนองเขื่อง. ประวัติคลีไฟเท่าที่จำความได้ตามที่ผู้เฒ่าท่านได้เล่าให้ฟัง. การเล่นคลีไฟเริ่มต้นมีมาตั้งแต่ปี 2489 โดยแรกเริ่มการเล่นเรียกว่า “คลีโหลน” โดยแข่งขันกันตีคลีไกล. คนที่มีความสามารถตีได้ไกลเป็นผู้ชนะ. ต่อมาจึงมีการเปลี่ยนจากการตีไกลมาเป็นการแข่งขันแบบเป็นทีม.ในช่วงเย็นคนจะไปกันเป็นกลุ่ม เลยคิดสนุกเพื่อเป็นการเรียกเหงื่อก่อนอาบน้ำ. แบ่งทีมกันเล่นคลีโหลนด้วยการใช้เหง้าไม้ไผ่เป็นอุปกรณ์ตีก้อนไม้ขนาด 10 - 15 เซนติเมตร ไปยังเขตฝ่ายตรงกันข้ามแล้วเข้ากรอบหรือประตูของฝ่ายตรงข้าม (คล้ายกีฬาฮอกกี้). บังเอิญ ลูกไม้กลิ้งเข้าไปในกองไฟ กว่าจะเขี่ยมันออกมาได้มันก็ติดไฟไปแล้ว. ความรู้สึกในอารมณ์ที่กำลังสนุกต่อเนื่องเลยไม่ยอมดับไฟที่กำลังลุกไหม้ก้อนไม้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลยตีทั้ง ๆ ที่ไฟยังติดอยู่. อีกประการหนึ่งพอค่ำลงมองไม่เห็นลูกไม้ จึงนำไฟมาจุดลูกไม้เพื่อการมองเห็นจึงเล่นหรือแข่งขันกันต่อได้ในช่วงค่ำซึ่งสร้างความสนุกสนานเร้าใจกว่าการเล่น “คลีโหลน”แบบเดิม ๆ จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อคลีไฟ (KLEE-FIRE).

กิจกรรมในปีนี้

ในปีนี้มีการแสดงของช้างแสนรู้จากบ้านค่าย ซึ่งเป็นหมู่บ้านเลี้ยงจากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมาจัดแสดงให้ได้ชมอีกด้วย. ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าชุมชนของชาวตำบลกุดตุ้ม ซึ่งมีเมนูพิเศษ เช่น ข้าวหน้าปลาไหล, ส้มตำคลีไฟ, ส้มตำไก่โอก, ข้าวจี่และพืชผักตามฤดูกาล. นอกจากนี้ยังมีหลายกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สนุกและรู้จักจังหวัดชัยภูมิดีขึ้น.