ไมกี้ มูซูเมกี อดีตแชมป์ปล้ำจับล็อก รุ่นฟลายเวต 135 ปอนด์ จากสหรัฐอเมริกา ในวัย 28 ปี ได้ประกาศอำลา ONE Championship หลังจากที่ได้ร่วมงานกับองค์กรนี้มาเป็นเวลากว่า 3 ปี โดยเขาได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเพื่อแจ้งข่าวนี้ให้แฟนๆ ทราบ

การเดินทางสู่เอเชียและการเป็นแชมป์โลกคนแรกของ ONE Championship

ไมกี้ มูซูเมกี เปิดเผยว่า เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา เขาได้เดินทางมาเอเชียและได้มีโอกาสพบปะกับผู้คนมากมายที่น่าทึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Evolve MMA ในสิงคโปร์และ Arete BJJ ในประเทศไทย ซึ่งเขาถือว่าคนเหล่านี้เป็นเพื่อนและครอบครัวตลอดไป นอกจากนี้ เขายังได้รับโอกาสจาก ONE Championship ให้เป็นแชมป์โลกคนแรกขององค์กร ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าและเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับเขา

ความทรงจำและบทเรียนที่ดีที่สุดในชีวิต

ไมกี้ กล่าวว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา เขาได้พบปะและสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนมากมายในเอเชีย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งและเป็นบทเรียนที่มีค่ายิ่งสำหรับเขา เขาได้มีโอกาสเดินทางไปยัง 6 ประเทศด้วยกัน และได้มีโอกาสแบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตกับผู้คนเหล่านั้น ซึ่งเป็นความทรงจำที่น่าทึ่งมากมาย

การกลับไปอยู่บ้านในสหรัฐอเมริกาและการเริ่มต้นบทใหม่ของอาชีพ

ไมกี้ กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะกลับไปอยู่บ้านในสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ครอบครัวของเขา และเริ่มต้นบทใหม่ของอาชีพการแข่งขันและชีวิตของเขา แม้ว่าเอเชียจะเป็นบ้านหลังที่สองของเขาเสมอ เขาขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนเขามาโดยตลอด และรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

ชีวิตของ ดร.มอสลีย์ เป็นแบบอย่างที่น่าศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและยืดอายุให้ยาวนาน แม้ว่าท่านจะเสียชีวิตด้วยวัยอันเยาว์ แต่ก็ได้ทิ้งมรดกทางปัญญาและแนวคิดที่มีค่าไว้ให้กับโลก

ค้นหาสูตรสำเร็จสู่ความเป็นอมตะ

ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยความรู้และการสร้างสรรค์

ดร.มอสลีย์ เป็นแพทย์ที่มีความสามารถ แต่กลับเลือกที่จะทำงานเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ของ BBC ตั้งแต่ปี 2528 โดยเป็นผู้กำกับและผลิตรายการ และต่อมาก็ดำเนินรายการเองตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งเป็นคนที่ผู้ชมชื่นชอบและติดตามผลงานมาโดยตลอด ผลงานที่โดดเด่นเรื่องหนึ่งคือ รายการ Horizon เมื่อปี 2555 ซึ่งได้เอาตัวเองเป็น "หนูทดลอง" โดยกินอาหารแบบ IF Intermittent Fasting คือ งดการกินอาหาร 2 วันต่อ 1 สัปดาห์ และพบว่า การอดอาหารดังกล่าวทำให้สุขภาพดีขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการทำให้การกินอาหารแบบ "IF" เป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมากเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว

การเขียนหนังสือที่เปลี่ยนแปลงวิถีการกินอาหารของโลก

ต่อมา ดร.มอสลีย์ เขียนหนังสือ The Fast 800 ซึ่งเป็นตำราแนะนำการจำกัดการกินอาหาร ทำให้สามารถลดน้ำหนักตัวลงประมาณ 6 กิโลกรัมภายใน 21 วัน โดยเริ่มจากการจำกัดการกินอาหารเพียง 800 แคลอรี่ต่อวัน และในขั้นสุดท้ายคือ การกินอาหารประเภทเมดิเตอร์เรเนียน แม้ว่าจะมีนักวิชาการบางคนตำหนิว่า การจำกัดการกินดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมกับคนทั่วไป และปฏิบัติอย่างต่อเนื่องได้ยากเกินไป แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หนังสือเล่มนี้ได้เปลี่ยนแปลงวิถีการกินอาหารของผู้คนทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ

ชีวิตประจำวันที่เป็นแบบอย่างในการดูแลสุขภาพ

ดร.มอสลี่ย์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ในชีวิตประจำวันนั้นจะตื่นนอนตอน 7.00 น. แล้วออกกำลังกาย 1 ชั่วโมง ก่อนการกินอาหารเช้าตอน 8.00 น. โดยจะเป็นการกินไข่และผักดอง เช่น กิมจิและปลากระป๋อง ตามด้วยการดื่มน้ำและชา อาหารกลางวันจะเป็นถั่วเลนทัล (lentil) ต้องเป็นซุปผสมขมิ้นและอาหารประเภทถั่ว มื้อเย็นก็จะเป็นปลาทอดด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันกับข้าวกล้อง ผักและผลไม้ โดยจะไม่กินอาหารหลัง 20.00 น. แปลว่าในช่วง 24 ชั่วโมงจะอดอาหาร 12 ชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง

ผลงานล่าสุดที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง

รายการล่าสุดที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องคือ podcast ตอนละ 15 นาทีที่ชื่อว่า "Just One Thing" มีทั้งหมดประมาณ 110 ตอน โดยแต่ละตอนจะให้แนวคิดและแนวปฏิบัติด้านสุขภาพที่น่าสนใจ เช่น ควรกินอาหารอย่างช้าๆ ซึ่งจะทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น และลดการกระชากของระดับน้ำตาลในเลือด ควรทำอาหารเองเป็นครั้งคราว จะได้อาหารที่มีคุณภาพ ทำให้อารมณ์ดีด้วยและน้ำหนักตัวลดลง การเดินแบบ Nordic walking และการออกกำลังกายแบบเกร็งกล้ามเนื้อ (isometric exercise) เช่น การทำแพลงกิ้ง (planking) ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตได้มากถึง 12 mmHg มากกว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิค หรือการทำให้หัวใจเต้นเร็ว

ความตายที่ไม่คาดคิด และบทเรียนที่ได้รับ

ดร.มอสลีย์ เสียชีวิตลงด้วยอายุเพียง 67 ปี ซึ่งหลายคนคงคิดว่าการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และการดำเนินชีวิตที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงนั้น ไม่น่าจะทำให้อายุสั้น แต่จากการอ่านงานวิจัยเป็นจำนวนมากและจากประสบการณ์ของผู้เขียน ก็ยังจะยืนยันว่า การดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบนั้น ให้ผลตอบแทนที่ล้ำค่ามากกว่าการ "ลงทุน" ในด้านอื่นๆ ในกรณี ดร.มอสลีย์ นั้นก็สามารถทำกิจกรรมที่ตัวเองอยากทำได้จนกระทั่งชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต ไม่ได้ป่วยติดเตียง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพจนวาระสุดท้าย