กีฬา
มูนีระ ยูโซ๊ะ เหมาเบิ้ล ส่งกีฬา กทม คว่ำ วัดสุทธิฯ เถลิงแชมป์
2024-11-30
ในปี 2567, การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพมหานคร "GOVERNOR CUP 2024" ส่งเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร ไทย-ญี่ปุ่น. นักเรียนจากรร.กีฬากรุงเทพมหานคร และรร.วัดสุทธิวรารามได้เข้าร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอย่างมีคุณภาพ. นาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยหลายบุคลากรและผู้ร่วมงานได้ให้เกียรติและสนับสนุนให้กับแข่งขันนี้.

ผลการแข่งขันและรางวัล

ชนะเลิศ

รร.กีฬากรุงเทพมหานคร ได้รับชนะเลิศในการแข่งขันฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567. นักเตะยอดเยี่ยมจากรร.กีฬากรุงเทพมหานคร คือ มูนีระ ยูโซ๊ะ ซึ่งได้แสดงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพในการแข่งขัน.

รองชนะเลิศ

รร.วัดสุทธิวราราม ได้รับรองชนะเลิศในการแข่งขัน. ในครึ่งแรกของการแข่งขัน, กีฬา กทม ได้ประตูขึ้นอย่างรวดเร็ว 1-0 แต่ในครึ่งหลัง, วัดสุทธิวราราม ได้โหมบุกหนักหวังทวงประตูคืนให้ แต่ยังไม่สามารถเอาชนะกีฬา กทม ได้.

รองชนะเลิศอันดับที่สอง

รร.เทพศิรินทร์ ได้รับรองชนะเลิศอันดับที่สอง. ในการแข่งขัน, รร.เทพศิรินทร์ ได้ประตูจาก ศ๊อฟฟาน สันหรน น.50 และเอาชนะรร.ปทุมคงคา 1-0.

รองชนะเลิศอันดับที่สาม

รร.ปทุมคงคา ได้รับรองชนะเลิศอันดับที่สาม. ในการแข่งขัน, รร.ปทุมคงคา ได้เสียกับรร.เทพศิรินทร์ 0-1.

ทีมมารยาทยอดเยี่ยม

รร.สุรศักดิ์มนตรี ได้รับรางวัลทีมมารยาทยอดเยี่ยม. ทีมนี้ได้แสดงความเป็นมิตรและมีคุณธรรมในการแข่งขัน.

ในเกมแรก, มูนีระ ยูโซ๊ะ จากรร.กีฬากรุงเทพมหานคร ยิงบอลจากริมเส้นฝั่งขวาส่งบอลพุ่งเสียบเสาสองเข้าไปในเวลาเพียง 5 นาที. น.28 เกมรับของ วัดสุทธิวราราม โหม่งเคลียร์บอลมาเข้าทางปืนของ มูนีระ ยูโซ๊ะ ก่อนเจ้าตัวจะหวดบอลด้วยขวาส่งบอลเสียบเสา. กีฬา กทม หนีห่าง 2-0. ในช่วงท้ายครึ่งแรก, วัดสุทธิวราราม มาได้ลุ้นประตูจาก สิรภพ นิลแสง และ วิชญ์ชยุตม์ จันพันธ์ แต่ก็ยังไม่ผ่านเกมรับของ กีฬา กทม. จบครึ่ง กีฬา กทม นำอยู่ 2-0.

ครึ่งหลัง, วัดสุทธิวราราม โหมบุกหนักหวังทวงประตูคืนให้ แต่ก็ได้แค่เฉียดไปเฉียดมา และไม่มีประตูเพิ่ม. หมดเวลาการแข่งขันเป็น กีฬา กทม ที่เอาชนะ วัดสุทธิวราราม ไป 2-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567.

นายกฯ แพทองธารเชียงใหม่ ส่งกำลังใจคนไทยนับคาร์บ
2024-11-30
ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ ในจ.เชียงใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ครั้งที่ 6. พร้อมด้วยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และผู้บริหารสธ. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้การต้อนรับ. น.ส.แพทองธาร กล่าวเปิดงานว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาเจอทุกท่านและกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้น. ร่างกายของเราเปรียบเสมือนบ้าน ถ้าบ้านสะอาด อากาศถ่ายเท คนที่อยู่ก็รู้สึกสบาย. เราก็ควรดูแลตัวเองด้วยการรู้ว่าอาหารแบบไหนทำให้ร่างกายลดโอกาสเจ็บป่วย.

ความสำคัญของโครงการ

โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนับสนุนมาก. มันไม止ให้ความรู้ แต่ยังสนับสนุนให้ทุกท่านดูแลตัวเองในส่วนที่ง่ายๆ ทำได้ทุกวัน. เราพบว่าประชากรของญี่ปุ่นมีโรคอ้วนและเบาหวานน้อยมากเพราะมีการให้ความรู้ตั้งแต่เด็ก. ในขณะที่รัฐบาลก็ประหยัดงบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยเฉพาะค่าเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับโรคเรื้อรัง. ดังนั้นเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน.นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องโครงการคนกินคาร์บหรือการรับประทานคาร์โบไฮเดรต แป้งที่เหมาะสมต่อวัน. หากกินแป้งสุดท้ายก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล. ตอนนี้มีแป้งทางเลือกอยู่และเราต้องให้ประชาชนเลือกกิน. ยังมีกลุ่มคนที่เป็นพลังสำคัญคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรืออสม.วันนี้อสม.มาถึง 5 พันคนจากหลายอำเภอในเชียงใหม่. เราต้องขอบคุณที่ทุกท่านตั้งใจทำงานเพราะการทำงานนี้ไม่เพียงแต่เป็นงานธรรมดา แต่เป็นงานที่ส่งต่อความคิดและสุขภาพให้กับประชาชนมากมาย.

ผลกระทบของโครงการ

โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขไทย. แต่ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนและร่วมกันส่งเสริมป้องกันโรค NCDs และปรับพฤติกรรมการกินแบบนับคาร์บ เราสามารถส่งเสริมให้พี่น้องคนไทยมีสุขภาพดี.ตั้งศูนย์โรคเอ็นซีดี สาธารณสุขทุกแห่ง. จากวันที่ 1 พ.ย. กระทรวงสาธารณสุขได้จัดงานการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกลโรค NCDs มาแล้ว 5 ครั้งในหลายจังหวัด. มีอสม.เรียนรู้การนับคาร์บแล้วกว่า 7 แสนคนและมีประชาชนร่วมลงทะเบียนนับคาร์บแล้วกว่า 6.4 ล้านคน. และมีประชาชนทั่วไปร่วมนับคาร์บกันแล้วกว่า 1.39 ล้านคนในวันนี้เป็นการจัดงานครั้ง 6 ในจ.เชียงใหม่.การจัดงานขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุขและอสม.ในการดำเนินงานและยกระดับระบบบริการด้านการป้องกันและควบคุมโรค NCDs และให้ความรู้และความเข้าใจแก่ประชาชน. จากการจัดกิจกรรมรณรงค์ทำไปแล้ว 5 ครั้ง ในวันนี้มีการออนไลน์ไปยังเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 รวม 13 จังหวัดมีผู้เข้าร่วมงานแบบออนไซต์ 5,000 คนและผ่านระบบ Onlineอีก 250,000 คนรวมทั้งสิ้น 255,000 คน.
See More
สธ.-กก.เปิดท่องเที่ยวสุขภาพดีในจ.เชียงใหม่และภาคเหนือ
2024-11-29
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2567) ที่ข่วงประตูท่าแพ จ.เชียงใหม่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เปิดงาน “ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” โดยมี น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัด สธ. นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการ สธ. เขตสุขภาพที่ 1 ผู้บริหาร สธ. และ กก. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นักท่องเที่ยว และประชาชน เข้าร่วมงาน กว่า 1,000 คน. นายสมศักดิ์ กล่าวว่างานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสุขภาพและบริการทางการแพทย์ โดยต่อยอดจากธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์แผนไทยที่เป็นจุดแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบน ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีศักยภาพด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวสูง.งานในวันนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการและร้านค้าให้สามารถตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของนักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ส่งเสริมการประยุกต์ใช้สมุนไพรในท้องถิ่นเป็นวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารเป็นยา ช่วยเพิ่มศักยภาพการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในพื้นที่ภาคเหนือได้อย่างยั่งยืน.

ความสำคัญของจ.เชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน

น.ส.นัทรียา กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบนเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรมที่โดดเด่น และความพร้อมด้านบริการสุขภาพระดับมาตรฐาน. การจัดงานในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพื้นที่ให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แสดงถึงความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการในพื้นที่และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก.

ผลกระทบจากงานนี้

“สำหรับการจัดงานครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาพื้นที่ จ.เชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ ให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในระดับโลกได้ ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนร้านค้าและผู้ประกอบการในพื้นที่ตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข รวมทั้งส่งเสริมการใช้การแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทยเพื่อการแพทย์ในระบบบริการ ยกระดับภูมิปัญญาไทยให้มีคุณภาพระดับสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ตัวแทนร้านค้า/ผู้ประกอบการโรงแรม สปา นวดสุขภาพ จำนวน 100 ร้าน และร้านค้าชุมชน OTOP จาก 8 จังหวัด ในเขตสุขภาพที่ 1” น.ส.นัทรียา กล่าว.
See More