บริษัท GDH ได้เปิดตัวภาพยนตร์แนว Drama coming of Age เรื่อง "แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เรากัน" ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของสองสาววัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในแฟลตแห่งหนึ่ง โดยไม่ว่าฐานะทางการเงินจะแตกต่างกันเพียงใด แต่ความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างพวกเธอยังคงแน่นแฟ้น ในภาพยนตร์เรื่องนี้ผู้ชมจะได้สำรวจมิตรภาพ การเผชิญหน้ากับความจริง และการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ผ่านการแสดงของนักแสดงนำอย่างเอินเอิน ฟาติมา และแฟร์รี่ กิรณา รวมถึงนักแสดงคุณภาพอีกมากมาย
เมื่อไม่นานมานี้ บริษัท GDH ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง "แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เรากัน" ณ ลานหน้าห้องออดิทอเรียม ชั้น 21 อาคาร GMM GRAMMY PLACE ซึ่งถูกตกแต่งให้เสมือนเป็นห้องพักในแฟลตที่สะท้อนความแตกต่างทางฐานะของตัวละคร ภายในงานได้มีการเชิญโปรดิวเซอร์และผู้กำกับฯ มาร่วมพูดคุยถึงไอเดียและการสร้างสรรค์ภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Trailer ภาพยนตร์เป็นครั้งแรก พร้อมกิจกรรมเกมสนุกๆ และการแสดงเพลงจากนักแสดงนำที่ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความสนุกสนาน ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดออกฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้
ภาพยนตร์เรื่อง "แฟลตเกิร์ล ชั้นห่างระหว่าง เรากัน" เป็นการสำรวจความสัมพันธ์และการเติบโตของวัยรุ่นในสังคมที่มีความแตกต่างทางฐานะ ผ่านเรื่องราวของสองสาวที่อาศัยอยู่ในแฟลต ภาพยนตร์เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการเข้าใจและยอมรับความแตกต่าง รวมถึงการใช้ชีวิตและการเติบโตที่ไม่สามารถกำหนดได้ด้วยฐานะทางการเงินเท่านั้น
การสร้างภาพยนตร์จากซีรีส์วิดีโอเกมได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะซีรีส์ Resident Evil ที่ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายภาค แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีภาพยนตร์เรื่องใดที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ของเกมได้อย่างแท้จริง ทำให้แฟน ๆ เริ่มหมดความหวังในการดูภาพยนตร์ที่สะท้อนแก่นแท้ของเกม แต่วันนี้มีความเปลี่ยนแปลง เมื่อมีผู้กำกับระดับ AAA อย่าง Zach Cregger ที่เคยสร้างภาพยนตร์สยองขวัญ Barbarian มาดูแลโปรเจ็กต์นี้ ส่งผลให้แฟน ๆ มีความหวังอีกครั้งว่าภาพยนตร์ Resident Evil ภาคนี้จะนำเสนอประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับเกมมากขึ้น
ภาพยนตร์ Resident Evil ภาคนี้จะเน้นไปที่การสร้างบรรยากาศที่น่ากลัวและลึกลับ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกมในช่วงแรก ผู้กำกับ Cregger ได้แสดงออกถึงความเข้าใจในความสำคัญของการสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยและการคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของซีรีส์ Resident Evil ในช่วงแรกๆ ของเกม นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันระหว่าง Netflix, Warner Bros. และสตูดิโออื่น ๆ ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าภาพยนตร์ภาคนี้จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้ชม
การกลับมาของภาพยนตร์ Resident Evil ที่เน้นไปที่ความสยองขวัญและความไม่แน่นอน ทำให้แฟน ๆ ของซีรีส์เกมนี้รู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังว่าพวกเขาจะได้เห็นภาพยนตร์ที่สะท้อนแก่นแท้ของเกมมากขึ้น ความพยายามในการสร้างภาพยนตร์ที่สมจริงและน่ากลัว จะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหมือนกับการเล่นเกม พร้อมทั้งนำพาพวกเขาไปสู่โลกของ Resident Evil ที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวและความไม่แน่นอน
เมื่อสิ้นปีที่แล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ประเภทปิกอัพและ SUV ประสบกับภาวะถดถอย โดยเฉพาะยอดขายของอีซูซุที่ลดลงอย่างรุนแรงถึง 40% บริษัทจึงตอบสนองด้วยการเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่สำหรับรถ Isuzu D-Max และ MU-X พร้อมจัดทริปทดสอบสมรรถนะในประเทศเวียดนาม เพื่อแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่นี้
ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา อีซูซุได้นำพาสื่อมวลชนเดินทางข้ามชายแดนจากจีนเข้าสู่เวียดนาม เพื่อร่วมทดสอบสมรรถนะของรถดีแมคซ์และมิว-เอ็กซ์ 9 คันที่ใช้เครื่องยนต์ 2.2 Ddi MAXFORCE ใหม่ บนเส้นทางจากเมือง Long Son ไปยัง Ha Long และ Hanoi ระยะทางกว่า 350 กิโลเมตร
เส้นทางทดสอบประกอบด้วยถนนลูกรังและถนนดำสลับกัน มีการก่อสร้างตลอดเส้นทาง ส่งผลให้การขับขี่เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่รถทั้งหมดสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่น เครื่องยนต์ใหม่ให้กำลังแรงกว่ารุ่นก่อนหน้า 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ การออกแบบระบบรองรับใหม่ยังช่วยลดแรงกระแทกจากการขับขี่บนถนนขรุขระ ขณะเดียวกัน ระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ก็ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่มีอาการสะดุดระหว่างเปลี่ยนเกียร์
ในช่วงเช้าของวันที่สอง ผู้ทดสอบได้ลองขับเองบนถนนทางหลวงระหว่าง Ha Long และ Hanoi ระยะทาง 170 กิโลเมตร พบว่ารถมีความคล่องตัวมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทดสอบในสนามแข่งขันที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้
ทริปทดสอบนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญของอีซูซุในการพัฒนาเครื่องยนต์และระบบต่างๆ สำหรับรถปิกอัพและ SUV ใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังเน้นการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงบนท้องถนน
การทดสอบบนเส้นทางที่หลากหลายในเวียดนามเป็นการยืนยันถึงความสามารถของรถรุ่นใหม่ในการรับมือกับสภาพถนนที่แตกต่างกัน รวมถึงการปรับตัวให้เข้ากับกฎจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ในประเทศต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
สำหรับผู้บริโภค นี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีซูซุได้กลับมาแข่งขันในตลาดรถปิกอัพและ SUV อย่างเต็มตัวอีกครั้ง ด้วยเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น