ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตชาย
ชายอุดม แก้วแจ้ง อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/141 หมู่ 4 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก. เขาเสียชีวิตที่นั่งด้านคนขับในรถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน บบ 6943 พิษณุโลก. บริเวณด้านซ้ายของรถมีรอยชน และยางรถยนต์หน้าด้านซ้ายแตก. เขาเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง. เขาเสื้อแขนสั้นสีดำ และกางเกงขาสั้นสีเทา. เขามีโรคประจำตัว คือโรคความดัน เบาหวาน.ภรรยาผู้เสียชีวิต
นางอรรจนา แก้วแจ้ง อายุ 55 ปี. เธอได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ. นายอุดม (ผู้เสียชีวิต) ได้ออกจากบ้านเมื่อเวลา 5.00 น เพื่อออกมาทำงานและเข้าเวรที่ประตูน้ำวัดใหม่อภัยยาราม (หลังโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี).เพื่อนผู้ตาย
นายบัณฑิต สุขล้ำเลิศ อายุ 52 ปี. เขาได้กล่าวว่า นายอุดม (ผู้เสียชีวิต) ได้มาหาตนเองเมื่อเวลา 06.00 น และได้นั่งดื่มสุราขาวด้วยกันกับเพื่อนอีก 2 คน จนถึง 07:00 น. นายอุดม (ผู้เสียชีวิต) ได้ขอตัวออกมาเข้าเวรที่ประตูน้ำวัดใหม่อภัยยาราม และไม่ได้ติดต่อกันจนกระทั่งรู้ว่านายอุดมเสียชีวิตภายในรถยนต์ในตอนเย็น.ผลการตรวจสอบ
จากการชันสูตรเบื้องต้นจากแพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เสียชีวิตไม่มีร่องรอยบาดแผลแต่อย่างใด. ร่างผู้เสียชีวิตได้ให้เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยข่าวภาพ พิษณุโลก นำร่างไปจากชีวิตชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนมอบให้ญาตินำร่างผู้เสียชีวิตไปเป็นกุศลตามประเพณีทางศาสนา.ข่าวที่เกี่ยวข้อง
การรับรายงาน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม, ผู้สื่อข่าวจากจ.ตาก ได้สื่อสารว่ามีการส่งอุปกรณ์อาวุธไปด้วยรถบรรทุก. เมื่อถึงจุดตรวจ, เจ้าหน้าที่ตรวจพบกล่องพัสดุผิดปกติและพบซองกระสุนปืนภายใน.รายละเอียดของอุปกรณ์
กล่องพัสดุมีถุงพลาสติกบรรจุซองกระสุนปืนเล็กสั้นแบบ 87/Carbine, Cal.30 จำนวน 17 ซอง. ชื่อผู้ส่งเป็นคนไทยจากบ้านแม่กุ และผู้รับปลายทางเป็นนายโอนี ไม่มีนามสกุล. คาดว่าเป็นชาวเมียนมา ที่ จ.นครปฐม.การดำเนินคดี
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดซองกระสุนปืนของกลางไว้ทั้งหมดและจะตรวจสอบเจ้าของพัสดุต้นทางตามกฎหมาย. ส่วนรถยนต์บรรทุกนั้น, เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เดินทางไปต่อเพราะไม่เกี่ยวข้องกับบริษัท.ผลงานและความสำคัญของการแข่งขัน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา รอบชิงชนะเลิศของหลายประเภทมีผู้แข่งที่มีความชื่อเสียงในอายุไม่เกิน 19 ปี. ในประเภทหญิงเดี่ยว 19 ปี รอบชิงชนะเลิศเป็นการโคจรมาพบกันของสองตบสาวน้อยดาวรุ่งสุดร้อนแรงในประเทศไทย "ปันปัน" ชิสา คชมิตรและกุลภัสสร์ วิจิตรวิริยะกุล. ชิสา คชมิตรได้ทำผลงานดีและลูกเด้งสาวน้อยจากทัพบ้านปูคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว 19 ปีประเทศไทยไปครอง.
ในประเภทชายเดี่ยว 19 ปี คู่ชิงเป็นการพบกันระหว่างทีมเซ็นทรัลกับบ้านปู. "กาย" วศพล ยะทวานนท์จากสโมสรกีฬาเซ็นทรัลได้เอาชนะ "หมัด" นวเชฐ ประสงค์ผลจากสโมสรเทเบิลเทนนิสบ้านปู. วศพล เอาชนะ 3-1 เกม (11-7, 11-6, 7-11, 12-10) และเซ็นทรัลคว้าแชมป์ 19 ปีชายประเทศไทย.
ผลคู่ชิงชนะเลิศประเภทอื่นๆ
ในประเภทคู่ผสม ศิรวิทย์ พวงทิพย์/อรวรรณ พาระนัง (กองทัพบก) ชนะ ชัยเดช ม่วงหวาน/วรรณวิสาข์ เอื้อวิริยะโยธิน (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-1 เกม (4-11, 11-5, 12-10, 11-8). ในประเภทชายเดี่ยว 40 ปี ภาคภูมิ สงวนสิน (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) ชนะ เสกพงษ์ ยมจินดา (กองทัพบก) 3-1 เกม (11-8, 11-6, 8-11, 11-7). ในประเภทหญิงเดี่ยว 40 ปี นันทนา คำวงศ์ (กองทัพบก) ชนะผ่าน นงนุช สุวรรณฉวี (กองทัพบก). ในประเภทชายเดี่ยว 50 ปี สันติสุข บุษบงค์ (กองทัพอากาศ) ชนะ โชตินรินทร์ รัตนพันธ์ (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-1 เกม (3-11, 11-7, 11-3, 11-4). ในประเภทหญิงเดี่ยว 50 ปี จินตนา โลหะรัตน์ (ไอทีซี โกลบอล) ชนะ จารุณี สุดแป้น (ไอทีซี โกลบอล) 3-0 เกม (11-5, 12-10, 11-8). ในประเภทชายเดี่ยว 60 ปี พูนศักดิ์ แซ่อึ้ง (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) ชนะ ประธาน เตชะวิเชียร (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-2 เกม (12-10,5-11,12-14,13-11,11-5). ในประเภทหญิงเดี่ยว 60 ปี ขวัญตา ตรีวิจิตรศิลป์ (เซ็นทรัล) ชนะ เครือวัลย์ พิพิธธรรม (เซ็นทรัล) 3-0 เกม (11-4, 13-11, 11-6). ในประเภทชายเดี่ยว 65 ปี วิโรจน์ พงศ์เต็มสุข (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) ชนะ บุญส่ง เลาหกิตติการ (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-0 เกม (11-7, 12-10, 11-6). ในประเภทหญิงเดี่ยว 65 ปี อัจฉรา เสาว์เฉลิม (ไอทีซี โกลบอล) ชนะ ภัสสรา อินทรกำแหง (เซ็นทรัล) 3-0 เกม (11-8, 11-5, 11-5). ในประเภทชายเดี่ยว 70 ปี มีชัย จิวะพงศ์วิฑูรย์ (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) ชนะ วิฑูรย์ ขันธประภา (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-0 เกม (11-8, 11-6, 11-8). ในประเภทหญิงเดี่ยว 70 ปี วิไลวรรณ อ้นสุวรรณ (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) ชนะ ชนิดา มุมานะจิตต์ (เทเบิลเทนนิสตำรวจ) 3-0 เกม (11-7, 11-9, 11-8).