นักธุรกิจสาวถูกคนร้ายประชิดตัว ทำร้ายร่างกายหวังชิงทรัพย์ในลานจอดรถห้างดัง ย่านแคราย ก่อนหนีไป พบส่งข้อความหาลูกชาย พ่อทำผิด อยู่ไม่ได้แล้ว

เหตุการณ์ที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเผชิญกับความหวาดกลัวและความเจ็บปวด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในลานจอดรถห้างดัง

ในวันที่ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา น.ส.วริฐา ศรุตธนภิญโญ อายุ 45 ปี ได้เดินทางไปที่ห้างเพื่อจะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส โดยสมัครสมาชิกและมาเป็นครั้งแรก ตอนแรกตั้งใจว่าจะจอดรถที่ชั้น 2 แต่ว่าลานจอดรถชั้นนี้ไม่ตรงกับทางเข้าออกห้าง จึงขับรถวนขึ้นไปจอดที่ชั้น 3A แทน หลังจอดรถเสร็จ ตนหยิบกระเป๋าเป้ที่เตรียมมาออกกำลังลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาที่ฝั่งคนนั่งด้านหน้าเพื่อหยิบของ จังหวะนั้นถูกคนร้ายเข้าชาร์จจากด้านหลัง โดยคนร้ายพยายามจะผลักตนเข้าไปในรถเพื่อหวังชิงทรัพย์ ตนจึงพยายามขัดขืนร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ คนร้ายจึงจับตนผลักมาด้านหน้าพร้อมกับเอามือปิดปากและบีบคอ ตนพยายามร้องขอความช่วยเหลือ จนถูกคนร้ายชกต่อยใบหน้า เบ้าตา และท้องหลายครั้งระหว่างนั้น ตนพยายามร้องขอชีวิตจากคนร้าย และว่าอยากได้อะไรให้เอาไป แต่ขอให้ปล่อยตน ซึ่งคนร้ายเหมือนจะล้วงหยิบอาวุธออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตนจึงรีบจับมือคนร้ายไว้ และคว้าแว่นตาของคนร้ายเอาไว้ได้ ก่อนที่คนร้ายจะเสียหลักล้มลง ขณะนั้นมีคนเดินมาที่ลานจอดพอดี คนร้ายจึงรีบวิ่งหนีไป โดยทำกระเป๋าสะพายสีดำตกไว้

หลักฐานที่ตำรวจพบในกระเป๋าของคนร้าย

ภายในกระเป๋าพบมีดพกสั้น 1 เล่ม สายเคเบิลไทร์ 1 ถุง กระเป๋าสตางค์ 1 ใบ บัตรประชาชน ใบขับขี่ ระบุชื่อ นายฤทธา กวีวงศ์ อายุ 48 ปี และใบแจ้งหนี้จากธนาคาร ประมาณ 5 แสนบาท เงิน 1,900 บาท ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

ความเสียหายและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย

น.ส.วริฐา ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตากับใบหน้า เนื่องจากถูกคนร้ายต่อย นอกจากนี้ยังเจ็บที่ลำคอ ต้นแขน รวมทั้งศีรษะที่ไปกระแทกกับคอนโซลรถด้วย เหตุการณ์นี้ทำให้ตนหวาดกลัว และกลายเป็นแพนิคจนนอนไม่หลับ

การดำเนินคดีของตำรวจ

ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า คดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนแล้วจนทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว หลังเกิดเหตุได้ลงพื้นที่บ้านผู้ก่อเหตุ ไม่พบตัว เนื่องจากหลบหนีออกนอกพื้นที่ และเคลื่อนที่ตลอดเวลา คาดว่าน่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้ เบื้องต้นจากการสอบสวนตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตราย ถ้ามีการสอบสวนแล้วพบการกระทำผิด จะมีการตั้งข้อกล่าวหาเพิ่ม

การหลบหนีของผู้ต้องสงสัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจสืบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้เดินทางไปบ้านพักของนายฤทธา แต่ไม่พบตัว พบเพียงลูกของนายฤทธาอยู่เท่านั้น และพบว่านายฤทธาได้ส่งข้อความมาหาลูกว่า พ่อทำผิดพลาด ตอนนี้อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องไปต่างจังหวัด และยังพบว่า วันนี้นายฤทธาได้ไปขอทำบัตรประชาชนใหม่ที่อำเภอแม่เปิน จ.นครสวรรค์ เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมาด้วย

ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2567 เกิดเหตุการณ์น่าสนใจในจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจับกุมตัวเยาวชนสองคน ที่แอบเข้ามาขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์จากคอกเก็บของกลางในโรงพัก เพื่อนำไปแต่งรถของตนเองและขายเพื่อจ่ายค่างวดรถ

เยาวชนกล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยง

การแอบเข้าไปขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์

ตามรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายเอ อายุ 15 ปี และนายบี อายุ 16 ปี ได้แอบเข้าไปในคอกเก็บของกลางของโรงพัก เพื่อขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์ไปใช้ในการแต่งรถของตนเอง และขายบางส่วนเพื่อนำเงินมาจ่ายค่างวดรถ โดยทำเช่นนี้ถึง 4 ครั้ง จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุดเยาวชนทั้งสองให้การรับสารภาพว่า พวกเขาเข้าไปขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์เนื่องจากรถของตนเองเกิดอุบัติเหตุและถูกนำมาเก็บไว้ที่คอกเก็บของกลางของโรงพัก แต่เมื่อพวกเขามาเอารถของตนเองไปซ่อม พบว่าคอกเก็บของกลางนั้นไม่มีการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่มียามเฝ้าระวัง จึงเกิดความคิดที่จะแอบเข้าไปขโมยอะไหล่รถจักรยานยนต์ไปใช้ในการแต่งรถของตนเอง และขายบางส่วนเพื่อนำเงินมาจ่ายค่างวดรถ

ของกลางที่ถูกยึดมา

จากการสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดของกลางที่เยาวชนทั้งสองได้ขโมยมาได้ จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย กล่องระบบไฟฟ้า ล้อรถ และท่อไอเสีย ซึ่งพวกเขาได้นำไปใช้ในการแต่งรถของตนเอง

การดำเนินคดี

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน และได้คุมตัวเยาวชนทั้งสองคนเพื่อดำเนินคดีต่อไปจากเหตุการณ์ดังกล่าว เราสามารถเห็นถึงความกล้าหาญและความคิดสร้างสรรค์ของเยาวชนในการแก้ปัญหาของตนเอง แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของพวกเขาในการหาทางออกให้กับตนเอง อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวก็ยังคงเป็นความผิดทางกฎหมาย และเยาวชนทั้งสองคนจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง