ความบันเทิง
ดาราไทยสร้างความสนุกสนานและความเร่าร้อนในภาพยนตร์ฮาโลวีนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
2024-11-02
ในช่วงเทศกาลฮาโลวีนที่ผ่านมา เหล่าดาราชื่อดังของเมืองไทยต่างก็ร่วมกันสร้างความสนุกสนานและความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ด้วยการแต่งตัวและถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีนสุดเอ็กซ์คลูซีฟ โดยมีดาราชื่อดังอย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ, ญาญ่า อุรัสยา, หมาก ปริญ, คิมเบอร์ลี่ และ มาร์กี้ ราศรี เป็นนำ

ความสนุกสนานและความเซ็กซี่ที่ไม่มีวันลืม

ความเซ็กซี่ของคู่รักแวมไพร์

ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีนครั้งนี้ ดาราคู่รักอย่าง ณเดชน์ และ ญาญ่า ได้รับบทบาทเป็นแวมไพร์ที่มีความเร่าร้อนและเซ็กซี่มาก โดยในหนึ่งฉากที่สร้างความฮือฮาให้กับแฟนๆ คือ ณเดชน์ได้ดึงร่างของ ญาญ่า เข้ามากัดคอและดูดเลือดตามคอนเซ็ปต์ของภาพยนตร์ ซึ่งทำให้ ณเดชน์ได้แสดงความเซ็กซี่และเร่าร้อนจนเพื่อนๆ ต่างกรี๊ดลั่น ในขณะที่ ญาญ่า ก็หัวเราะลั่นอย่างสนุกสนาน

ความเซ็กซี่ของคู่รักแวมไพร์ในภาพยนตร์ฮาโลวีนครั้งนี้ได้สร้างความตื่นเต้นและความประทับใจให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก โดยการแสดงของทั้งคู่ได้สะท้อนถึงความเร่าร้อนและความเซ็กซี่ของแวมไพร์ได้อย่างลงตัว

ความสนุกสนานของแก๊งเพื่อนดารา

นอกจากความเซ็กซี่ของคู่รักแวมไพร์แล้ว ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีนครั้งนี้ ยังมีความสนุกสนานและความเพลิดเพลินจากการที่เหล่าดาราชื่อดังมาร่วมกันแต่งตัวและถ่ายทำภาพยนตร์ในคอนเซ็ปต์ฮาโลวีน โดยมีดาราสาวสวยอย่าง มาร์กี้ ราศรี ที่มาในชุดเอลฟ์สีเขียวสุดเซ็กซี่ และนำทีมเพื่อนๆ ในแก๊งโพสท่าตามคาแร็กเตอร์ต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีคู่ของ หมาก ปริญ และ คิมเบอร์ลี่ ที่มาในคาแร็กเตอร์ Paul & Lady Jessica (Lisan Al Gaib) จากภาพยนตร์เรื่อง Dune ซึ่งก็ได้สร้างความสนุกสนานและความประทับใจให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก

เบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีน

ในการถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีนครั้งนี้ มาร์กี้ ราศรี ได้โพสต์คลิปเบื้องหลังการถ่ายทำพร้อมแคปชั่นว่า "Behind the making of our Halloween opening movie Special thanks to miss sperb our super host this year" ซึ่งได้รับความสนใจจากเพื่อนคนบันเทิงและแฟนๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคู่ ณเดชน์-ญาญ่า ที่ได้รับคำชมว่า "Yaya & Nadech so sizzling hot and very sexxxxy" และ "Oh vampire couple"

จากการถ่ายทำภาพยนตร์ฮาโลวีนครั้งนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนุกสนาน ความเซ็กซี่ และความสามารถในการแสดงของเหล่าดาราชื่อดังของเมืองไทย ซึ่งได้สร้างความตื่นเต้นและความประทับใจให้กับแฟนๆ เป็นอย่างมาก

ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ: ความท้าทายที่กัดกินจิตวิญญาณของผู้คน
2024-11-02
การจราจรที่แออัดและติดขัดในกรุงเทพฯ ได้กลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างมาก โดยเฉพาะกับนักแสดงสาวสวย "โม มนชนก" ที่ต้องออกมาเปิดใจถึงความรู้สึกหมดพลังในการใช้ชีวิตจากสถานการณ์ดังกล่าว

เมื่อความเครียดจากการจราจรกัดกินจิตใจ

ความรู้สึกหมดพลังจากการจราจรที่แย่ลงทุกวัน

โม มนชนก เปิดเผยว่า ปัจจุบันเธอรู้สึกว่าการจราจรในกรุงเทพฯ ได้กัดกินจิตวิญญาณของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอไม่อยากออกไปไหนเลย ไม่อยากรับนัดหมายตอนเย็น เพราะรู้สึกว่าการจราจรที่แย่ลงทุกวันนั้นเกินกว่าที่จะทนได้ เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธอถูกกัดกินไปทุกวัน และแม้จะพยายามคิดบวก แต่ก็ทำได้ยากมากในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับการติดขัดบนท้องถนนเป็นเวลานานถึง 4 ชั่วโมง

การตัดสินใจหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก

ด้วยความรู้สึกที่หมดพลังจากสถานการณ์การจราจรที่แย่ลงเรื่อย ๆ โม มนชนก จึงตัดสินใจว่าจะไม่ออกไปไหนในช่วงเย็น ยกเว้นในวันสำคัญ เช่น วันเกิดของเพื่อน วันเกิดของตัวเอง หรือวันเกิดของพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ของเธอก็ไม่ค่อยออกไปข้างนอกแล้ว โม มนชนก ยังบอกว่าเธอจะไม่รับนัดหมายในวันศุกร์และเสาร์ รวมถึงจะไม่ไปร่วมงานเทศกาลต่าง ๆ ด้วย เช่น ในช่วงใกล้ฮาโลวีน หรือวันลอยกระทง ซึ่งเธอรู้สึกว่าการจราจรในช่วงเวลาเหล่านั้นจะแย่มากจนเธอไม่อยากเผชิญ

ผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต

โม มนชนก ยอมรับว่าสถานการณ์การจราจรที่แย่ลงทุกวันได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของเธอเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกว่าการจราจรที่แย่ลงนั้นได้กัดกินจิตวิญญาณของเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า หมดพลังงาน และไม่อยากทำอะไรเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเครียดและความทุกข์ที่ผู้คนในกรุงเทพฯ ต้องเผชิญจากปัญหาการจราจรที่ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

เสียงสะท้อนจากแฟนๆ และชาวเน็ต

หลังจากที่โม มนชนก ได้โพสต์คลิประบายความรู้สึกเกี่ยวกับปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ ก็ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ และชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้แสดงความเห็นว่าตนเองก็เบื่อหน่ายกับการจราจรในกรุงเทพฯ มานานหลายปี และได้ตัดสินใจย้ายออกมาทำงานในพื้นที่ชานเมืองหรือต่างจังหวัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้ความเห็นว่าสถานการณ์การจราจรที่แย่ลงนี้ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตของพวกเขาเช่นกัน
See More
ความสูญเสียที่ไม่อาจคาดเดา: เมื่อรถบรรทุกทำดินโคลนหล่นลงกลางถนน
2024-11-02
เหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้นในตอนดึกของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 เมื่อรถบรรทุกทำดินโคลนหล่นลงกลางถนน ส่งผลให้รถเก๋งที่กำลังสัญจรมาชนกับก้อนดินขนาดใหญ่ ทำให้รถเก๋งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจคาดเดา

เหตุเกิดบนถนนแพรกษา เลยซอยแพรกษา 15

เมื่อเวลา 00.05 น. ของวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 พนักงานป้องกันและบรรเทาภัยเทศบาลตำบลแพรกษา ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถบรรทุกทำดินหล่นลงบนถนน ส่งผลให้มีรถที่ใช้เส้นทางนี้ได้รับความเสียหาย เหตุการณ์เกิดขึ้นบนถนนแพรกษา เลยซอยแพรกษา 15 มาเล็กน้อย ทิศทางมุ่งหน้าคลองเก้า ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากได้รับแจ้งเหตุ พนักงานป้องกันและบรรเทาภัยจึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถน้ำจำนวน 1 คัน

พบดินโคลนเต็มพื้นถนน ตั้งแต่ก้อนเล็กจนถึงก้อนใหญ่

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่าถนนเต็มไปด้วยดินโคลน ทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่ โดยมีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน 1 ขล 9182 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ในสภาพที่กันชนหน้ารถได้รับความเสียหาย หมอน้ำแตก และผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย พนักงานป้องกันและบรรเทาภัยจึงรีบนำน้ำมาฉีดและใช้เครื่องมือตักดินออกจากถนน เพื่อให้การจราจรสามารถสัญจรได้ อย่างไรก็ตาม ก้อนดินขนาดใหญ่ไม่สามารถยกออกได้ จึงต้องใช้จอบตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ที่พอจะยกได้ แล้วทยอยยกไปไว้ข้างทาง

เจ้าของรถเก๋งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากการสอบถามเจ้าของรถเก๋งที่ได้รับความเสียหาย เล่าว่า ตนเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวงานเจดีย์ พอมาถึงจุดเกิดเหตุ บริเวณนั้นค่อนข้างจะมืด และตอนนั้น รปภ. ก็กำลังจะไปเอาที่กั้นมาแต่ไม่ทัน ดูเหมือนว่ามีรถบรรทุกดินไม่ล็อกฝาท้ายทำให้ก้อนดินจำนวนมากตกลงมาบนถนน ตนมองไม่เห็นก็เลยชนเข้าอย่างจัง รถที่มาตามหลังก็เกือบจะชนเหมือนกัน แต่พี่รปภ.เอาที่กั้นมากั้นเอาไว้ ส่วนรถคันอื่นที่ขับผ่านมาก็มองเห็นไฟฉุกเฉินที่ตนเปิดด้วยก็เลยไม่มีรถคันอื่นเกิดอุบัติเหตุเหมือนตน แต่ก็มีคันก่อนหน้าที่ 1 คัน ที่โดนเหมือนกันแต่ไม่เยอะเท่าตน

พนักงานป้องกันและบรรเทาภัยเทศบาลตำบลแพรกษาเข้าจัดการเหตุการณ์

นายวิทวัส รองทอง พนักงานป้องกันและบรรเทาภัย เทศบาลตำบลแพรกษา กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งว่ามีรถบรรทุกทำก้อนดินขนาดใหญ่หล่นบนถนน จึงรีบมาตรวจสอบ และพบว่ามีก้อนดินดังกล่าวจริง และมีรถเกิดอุบัติเหตุด้วย 1 คัน เบื้องต้นจึงแก้ไขโดยเคลียร์ก้อนดินออกเพื่อให้รถสัญจรได้ และระยะทางที่รถทำดินหล่นไว้ก็ไปถึงไปประมาณบ้านเอื้ออาทร 2 ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของตน แต่ก็จะมีบางส่วนที่รถทำหล่นปะปลายไปจนถึงคลอง9 เบื้องต้นก็มาจัดการเคลียร์ให้รถสัญจรได้ ส่วนก้อนดินขนาดใหญ่มีตกอยู่จุดนี้จุดเดียว ตรงนี้คือเยอะที่สุด
See More