journalfront

ความบันเทิง

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นำพาวงการภาพยนตร์ไทยสู่ระดับสากล

2024-11-01

ในการเลือกตั้งนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยครั้งล่าสุด ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนที่ 9 ด้วยคะแนนโหวตสูงสุด โดยมีผู้กำกับภาพยนตร์ไทยเข้าร่วมลงคะแนนเสียงทั้งแบบออนไลน์และแบบออนไซต์รวมกว่า 199 คน

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่จะพาวงการภาพยนตร์ไทยก้าวไปสู่ระดับสากล

ประวัติและผลงานของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อเสียงและมีผลงานการกำกับภาพยนตร์ที่โดดเด่นมาอย่างยาวนาน เขาเคยฝากผลงานการกำกับภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ "คน ผี ปีศาจ", "13 เกมสยอง", "รักแห่งสยาม", "ดิว ไปด้วยกันนะ" และผลงานล่าสุดอย่าง "ตาคลี เจเนซิส" ซึ่งได้รับการยอมรับจากทั้งผู้ชมและวงการภาพยนตร์ไทยด้วยประสบการณ์และความสามารถในการกำกับภาพยนตร์ที่โดดเด่น ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล จึงได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยให้เป็นนายกสมาคมคนใหม่ ซึ่งเขาได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและผลักดันวงการภาพยนตร์ไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากลมากขึ้น

วิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล

ในฐานะนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนใหม่ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล มีวิสัยทัศน์ที่จะพัฒนาและยกระดับวงการภาพยนตร์ไทยให้มีความเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยเน้นการสร้างความสามัคคีและการร่วมมือกันของผู้กำกับภาพยนตร์ไทยทุกคน เพื่อร่วมกันผลักดันให้วงการภาพยนตร์ไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ได้กล่าวว่า เขาจะเริ่มดำเนินการตามนโยบายต่างๆ ที่วางไว้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยทุกคน และจะพยายามสร้างบรรยากาศการทำงานที่สนุกสนานและมีรอยยิ้มให้เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทย เพื่อให้ทุกคนมีความสุขและมีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีที่สุด

ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทย

ในช่วงที่ผ่านมา วงการภาพยนตร์ไทยได้ผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ มาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินงานของสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยอย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ในฐานะนายกสมาคมคนใหม่ วงการภาพยนตร์ไทยจะได้รับการพัฒนาและยกระดับให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยเขาจะเน้นการสร้างความสามัคคีและการร่วมมือกันของผู้กำกับภาพยนตร์ไทยทุกคน เพื่อร่วมกันผลักดันให้วงการภาพยนตร์ไทยก้าวไปสู่ความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นนอกจากนี้ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ยังมีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาพยนตร์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น โดยการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงและความภาคภูมิใจให้กับวงการภาพยนตร์ไทยในระดับโลก

ความคาดหวังและความท้าทายสำหรับ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ในฐานะนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย

ด้วยประสบการณ์และความสามารถในการกำกับภาพยนตร์ที่โดดเด่น รวมถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยที่ชัดเจน ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล จึงได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยให้เป็นนายกสมาคมคนใหม่ในฐานะนายกสมาคมคนใหม่ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นฟูและพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยให้มีความเข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น หรือการสร้างความสามัคคีและการร่วมมือกันของผู้กำกับภาพยนตร์ไทยทุกคนอย่างไรก็ตาม ด้วยประสบการณ์และความสามารถที่โดดเด่นของ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล รวมถึงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทย ทำให้เขามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยคนใหม่ และสามารถพาวงการภาพยนตร์ไทยก้าวไปสู่ระดับสากลได้อย่างแน่นอน

เรื่องราวของ "THE HEART KILLERS เขาจ้างให้ผมจีบนักฆ่า" เป็นละครที่ติดตามเรื่องราวของชายหนุ่มที่ถูกจ้างให้จีบและล่อลวงนักฆ่าอันตรายให้ตกหลุมรัก เพื่อที่จะสามารถจับกุมตัวเขาได้ ในขณะที่ตัวเขาเองก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

จะถูกเปิดเผยอย่างไร?

ตัวละครหลักและความลับที่ซ่อนอยู่

ในเรื่องนี้ เราจะได้พบกับตัวละครหลักที่น่าสนใจ ได้แก่ ชายหนุ่มที่ถูกจ้างให้จีบและล่อลวงนักฆ่า และตัวนักฆ่าอันตรายที่เขาต้องพยายามล่อลวง แต่ในขณะเดียวกัน ทั้งสองคนก็ต่างมีความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของตนเอง ซึ่งจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยให้เห็นในระหว่างการดำเนินเรื่องชายหนุ่มที่ถูกจ้างให้จีบนักฆ่า มีความลับที่ซ่อนอยู่ในอดีตของเขา ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เขายอมรับงานนี้ แม้จะรู้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายก็ตาม ในขณะที่ตัวนักฆ่าเองก็มีความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นนักฆ่าอันตรายที่ต้องการล่อลวงคนอื่นให้ตกหลุมรักความลับเหล่านี้จะค่อยๆ ถูกเปิดเผยให้เห็นในระหว่างการดำเนินเรื่อง และจะทำให้เราเข้าใจถึงแรงจูงใจและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของทั้งสองคน

ความเสี่ยงและอันตรายที่ต้องเผชิญ

ในการที่ชายหนุ่มต้องจีบและล่อลวงนักฆ่าอันตราย เขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากนักฆ่าเป็นบุคคลที่มีความอันตรายสูง และอาจจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาใกล้ตัวได้ง่ายๆในระหว่างการดำเนินเรื่อง เราจะได้เห็นถึงสถานการณ์ที่ชายหนุ่มต้องเผชิญกับความเสี่ยงและอันตรายต่างๆ อย่างใกล้ชิด เช่น การถูกคุกคาม การถูกติดตาม หรือแม้แต่การถูกทำร้าย ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นถึงความกล้าหาญและความสามารถในการรับมือของเขานอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวนักฆ่าเอง หากเขาตกหลุมรักชายหนุ่มจริงๆ เพราะอาจจะทำให้เขาเสียสมาธิและไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะนำไปสู่ความอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้

ความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างชายหนุ่มและนักฆ่า

ในระหว่างที่ชายหนุ่มพยายามจีบและล่อลวงนักฆ่า เราจะได้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนค่อยๆ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยเหตุผลทางธุรกิจก็ตามชายหนุ่มอาจจะเริ่มต้นด้วยการแสดงบทบาทเพื่อให้นักฆ่าตกหลุมรัก แต่ในระหว่างนั้น เขาก็อาจจะค่อยๆ เริ่มเข้าใจและเห็นใจในตัวนักฆ่ามากขึ้น เมื่อได้รู้ถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเขาในขณะเดียวกัน นักฆ่าเองก็อาจจะค่อยๆ เปิดใจและเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองออกมา เมื่อได้รู้จักชายหนุ่มมากขึ้น และเริ่มเกิดความรู้สึกที่ลึกซึ้งขึ้นความสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นระหว่างทั้งสองคน จะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนและน่าติดตามมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีการต่อสู้ระหว่างความรู้สึกและหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติ

การจับกุมตัวนักฆ่า

ในที่สุด ชายหนุ่มก็จะต้องพยายามจับกุมตัวนักฆ่าอันตรายให้ได้ ซึ่งจะเป็นภารกิจที่ท้าทายและอันตรายเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักฆ่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถและอันตรายสูงในระหว่างการพยายามจับกุมตัวนักฆ่า ชายหนุ่มอาจจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและเสี่ยงอย่างมาก เช่น การถูกคุกคาม การถูกทำร้าย หรือแม้แต่การต้องเลือกระหว่างหน้าที่และความรู้สึกที่เกิดขึ้นในที่สุด ความสำเร็จในการจับกุมตัวนักฆ่าจะขึ้นอยู่กับความสามารถและความกล้าหาญของชายหนุ่ม รวมถึงการเปิดเผยความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เขาสามารถบรรลุภารกิจนี้ได้สำเร็จ

ละครเวทีการกุศล "รามาดราม่า" ที่จัดขึ้นโดยนักศึกษาแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามมาตลอด ล่าสุดปีนี้กลับมาอีกครั้งกับการแสดงครั้งที่ 17 "Prim: The Eleventh Clone" ที่จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ ความฝัน และความหมายของชีวิต ผ่านโลกสมมติในแนวละครไซไฟ-ดราม่า

ประสบการณ์การชมละครที่ไม่ควรพลาด

ละครเวทีการกุศล "รามาดราม่า" เพื่อโรงพยาบาลชุมชน

ละครเวทีการกุศล "รามาดราม่า" จัดขึ้นโดยนักศึกษาแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายไปสมทบทุนใน "โครงการรามาธิบดีเพื่อโรงพยาบาลชุมชน" เพื่อให้โรงพยาบาลชุมชนมีความเข้มแข็งในการดูแลสุขภาพของผู้คนได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นภารกิจที่สำคัญและมีความหมายต่อสังคมอย่างยิ่ง

ละครเวทีการกุศล "Prim: The Eleventh Clone"

ในปีนี้ "รามาดราม่า" นำเสนอเรื่อง "Prim: The Eleventh Clone" ที่จะสะท้อนความหมายของความเป็นมนุษย์ ความฝัน และความหมายของชีวิต ผ่านโลกสมมติในแนวละครไซไฟ-ดราม่า กำกับการแสดงโดย ดี่ดี๊ – ทอฝัน เทียนบุญ เรื่องราวของ "พริม" โคลนหมายเลข 11 ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นภาชนะต่อชีวิตให้กับ "มาดาม" นักวิทยาศาสตร์เจ้าของธุรกิจร่างโคลน แต่เมื่อพริมได้รู้ความจริงถึงชะตากรรมของตนเอง เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากห้องทดลอง และได้พบกับ "นีล" อดีตนักวิจัยผู้ต่อต้านการโคลนที่ย้ายจิตสำนึกตัวเองลงในหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พริมเริ่มมีความฝันเป็นของตนเองในการมีชีวิตที่เป็นอิสระ และได้มีความสุขกับเรื่องแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับเธอในแต่ละวัน แต่พริมยังต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าจากมาดามที่ต้องการตัวเธอเป็นอย่างมาก

นักแสดงมากความสามารถ

ละครเวทีการกุศล "Prim: The Eleventh Clone" นำแสดงโดย จิณณ์ – จิณณ์ รัชโน รับบท พริม, เจนนี่ – ภัทรวลัย ลัคนานิธิพันธุ์ รับบท มาดาม, เล้ง – นิธิบดี จงตระการสมบัติ รับบท นีล, นกยูง – ปวรา วิสุทธิรัตนมณี รับบท ซิลเวีย, เพชร – แพทริค รูฟโฟโล รับบท เกล และ โปรเจค – พชรพล พรหมสิรินิมิต รับบท สเวน ซึ่งล้วนแต่เป็นนักแสดงที่มีความสามารถและมีประสบการณ์ในการแสดงละครเวทีมาอย่างยาวนาน

ตารางการแสดง

ละครเวทีการกุศล "Prim: The Eleventh Clone" จะเปิดม่านการแสดงในวันที่ 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 ณ หอประชุมอารี วัลยะเสวี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยมีรอบการแสดงทั้งหมด 4 รอบ ดังนี้- รอบที่ 1 : 29 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18:00 – 21:00- รอบที่ 2 : 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13:00 – 16:00- รอบที่ 3 : 1 ธันวาคม 2567 เวลา 13:00 – 16:00- รอบที่ 4 : 1 ธันวาคม 2567 เวลา 19:00 – 22:00ผู้สนใจสามารถจองบัตรได้แล้ววันนี้ ทางเว็บไซต์ Ticketmelon และสามารถติดตามข่าวสารละครเวทีรามาดราม่าได้ที่ IG :Ramadramaplay