ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยจะยังคงมีบทบาทสำคัญในสังคมเกาหลีใต้ แต่ก็มักถูกมองว่าเป็นเพียงความเชื่อโบราณที่ล้าสมัย ไม่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตในโลกสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา" กลับสะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและวิญญาณบรรพบุรุษยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อสังคมเกาหลี และมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศ

ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและวิญญาณบรรพบุรุษที่ยังคงมีอิทธิพลในสังคมเกาหลี

ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยในสังคมเกาหลีปัจจุบัน

แม้ว่าความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยจะมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในเกาหลี แต่ในปัจจุบัน เมื่อคนเกาหลีต้องการสร้างบ้านใหม่ พวกเขามักจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย (ซินแส) เพื่อตรวจสอบว่าพื้นที่นั้นมีความเหมาะสมและมงคลแล้วหรือไม่ ก่อนจะเริ่มวางเสาเข็ม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยยังคงมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเกาหลีแม้แต่การเลือกสถานที่ฝังศพก็ยังคงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของซินแส เนื่องจากความเชื่อว่าการฝังศพในสถานที่ที่เหมาะสมจะส่งผลให้ชีวิตของคนในครอบครัวมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับศาสนา ชนชั้นทางสังคม หรือระดับการศึกษา แต่เป็นความเชื่อที่มุ่งเน้นการกลมกลืนกับธรรมชาติ"หลังจากที่มนุษย์จบชีวิตลงก็จะกลายเป็นดินกลับสู่โลก และเราที่ดื่มกินสิ่งนั้นและเดินบนโลก เกิด อยู่ ตาย และเกิดใหม่เป็นวัฎจักรธรรมชาติ" ซินแสคิมซังด๊อกกล่าวถึงความเชื่อดังกล่าว

ความเชื่อเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษในสังคมเกาหลี

นอกจากความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยแล้ว ความเชื่อเรื่องวิญญาณบรรพบุรุษก็เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่มีอิทธิพลต่อสังคมเกาหลี ดังจะเห็นได้จากเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา" ที่เล่าถึงการปราบผีที่ทำให้คนในบ้านมีอาการผิดปกติ โดยมีการเรียกร้องจากวิญญาณบรรพบุรุษซินแสคิมซังด๊อกได้อธิบายว่า บางครั้งสัตว์ก็อาจมีบทบาททางจิตวิญญาณ เช่น เสือที่ถือเป็นสัตว์ประจำชาติเกาหลีใต้ และมีความเชื่อว่าเป็นผู้ส่งสารและองครักษ์ของเทพแห่งขุนเขา ซึ่งภูเขาก็ถือเป็นสถานที่สิงสถิตของวิญญาณที่สำคัญที่สุดในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองเกาหลีใต้ระหว่างปี 1910-1945 ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยก็มีบทบาทสำคัญมาก โดยญี่ปุ่นได้เลือกตอกหมุดลงบนจุดที่เป็นฮวงจุ้ยสำคัญของประเทศ เพื่อสะกดไม่ให้เกาหลีมีผู้นำที่เก่งกาจ ซึ่งหมุดเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่จริงจนถึงปัจจุบัน

ความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและวิญญาณบรรพบุรุษในภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา"

ภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา" ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยและวิญญาณบรรพบุรุษที่ยังคงมีอิทธิพลในสังคมเกาหลี โดยเล่าเรื่องราวของการปราบผีที่ทำให้คนในบ้านมีอาการผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฝังศพของบรรพบุรุษในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในระหว่างการขนย้ายโลงศพ เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น เช่น ฝนตกลงมา และพนักงานในโรงพยาบาลมาเปิดโลงศพเพื่อขโมยสมบัติ ซึ่งหมายความว่าปล่อยให้วิญญาณออกไปต่อมา ซินแสคิมซังด๊อกพบว่า วิญญาณที่ตามมาหลอกหลอนทุกคน คือ อดีตทหารญี่ปุ่นที่เคยมาปักหมุดไว้บนพื้นที่กลางเขาแห่งนี้ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองเกาหลี เพื่อป้องกันไม่ให้เกาหลีมีผู้นำที่เก่งกาจการขุดโลงศพขึ้นมาจึงเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงบาดแผลและความสูญเสียที่ถูกฝังรากลึกไว้ในแผ่นดินเกาหลี ซึ่งเป็นผลจากการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่น

บาดแผลจากการล่าอาณานิคมที่ยังคงอยู่ในสังคมเกาหลี

ภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา" ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์สยองขวัญ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงบาดแผลจากการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นที่ยังคงอยู่ในสังคมเกาหลีในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามายึดครองเกาหลี ชาวเกาหลีถูกบังคับให้ใช้ภาษาญี่ปุ่น และผู้หญิงบางคนถูกเรียกให้เป็นนางบำเรอ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัฒนธรรมและความเป็นอัตลักษณ์ของชาวเกาหลีภาพยนตร์เรื่อง "เอ็กซูมา" จึงเป็นหนึ่งในผลงานที่พยายามสะท้อนถึงความเจ็บปวดในอดีต และย้ำเตือนให้เราไม่ลืมอดีตที่ผ่านมา เพราะอดีตคือผลลัพธ์ที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราแบบนี้ และให้ประเทศของเราเป็นแบบนี้แม้ว่าบาดแผลในอดีตจะยังคงอยู่ แต่การที่จะเดินหน้าต่อไปได้ ปัจจุบันและอนาคตก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังที่อีฮวาลิมกล่าวว่า "หน้าหนาวผ่านไป ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น"