ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ การสอบสวนเผยให้เห็นรายละเอียดของคดีฆาตกรรมนายฮิลมี ชายอายุ 25 ปี อาชีพเซลล์ขายรถจักรยานยนต์ ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกรัดคอและแทงบริเวณลำตัว พบหลักฐานสำคัญภายในที่เกิดเหตุ และมีการพยายามทำลายหลักฐาน แต่แรงจูงใจของการกระทำนี้ยังคงเป็นปริศนา
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องหาไปยังสถานที่เกิดเหตุเพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยมีการตรวจสอบสภาพศพและหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาได้รับสารภาพในการก่อเหตุ แต่ไม่ยอมเปิดเผยแรงจูงใจที่แท้จริง
การสอบสวนเผยให้เห็นว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ชาวบ้านรายงานว่าพบรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ริมถนน มีพฤติกรรมคล้ายการเจรจา เมื่อตรวจสอบพบว่านายฮิลมีเสียชีวิตภายในรถ ร่างกายมีร่องรอยถูกรัดคอและถูกแทงบริเวณลำตัว 5 แผล โดย 2 แผลเข้าไปถึงหัวใจ พบเชือกไนล่อนและถุงมือผ้า รวมถึงกล้องหน้ารถที่หายไป ซึ่งอาจเป็นการพยายามทำลายหลักฐาน
แม้ว่าผู้ต้องหาจะรับสารภาพในการก่อเหตุ แต่เขายังคงเงียบเรื่องแรงจูงใจ ทำให้การสืบสวนต้องดำเนินต่อไป เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เจ้าหน้าที่ยังคงทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์ของคดีบ่งชี้ว่าอาจมีคนมากกว่าหนึ่งคนเกี่ยวข้อง ผู้ต้องหาได้รับสารภาพในการใช้มีดและกล้องหน้ารถไปทำลายหลักฐาน แต่ทั้งสองชิ้นพลัดตกลงน้ำสูญหายก่อน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การแข่งขันเทนนิสรายการสำคัญที่เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ปี 2568 ได้เห็นนักกีฬาไทยหลายรายแสดงฝีมืออย่างโดดเด่น โดยเฉพาะในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว ซึ่งมีผู้เล่นหลายคนผ่านเข้าสู่รอบถัดไปด้วยคะแนนที่น่าประทับใจ การแข่งขันครั้งนี้ยังเป็นเวทีที่ให้นักเทนนิสหน้าใหม่ได้แสดงความสามารถ และนักกีฬาระดับชาติได้แสดงความพร้อมในการแข่งขันระดับนานาชาติ
ในวันที่อากาศสดใสที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นักเทนนิสไทยได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ในการแข่งขันรอบแรกของรายการไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิพ ซึ่งมีเงินรางวัลรวม 600,000 บาท
ในประเภทชายเดี่ยว "สอง" ยุทธนา เจริญผล นักเทนนิสมือวางอันดับ 7 ของรายการ และเจ้าของเหรียญทองแดงจากซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม สามารถเอาชนะณัฐพัฒน์ ขุนทอง จากเพชรบูรณ์ ได้อย่างขาดลอย 2-0 เซต ด้วยคะแนน 6-1 และ 6-0 ทำให้ยุทธนาผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้าย ซึ่งเขาจะพบกับปราบ วิรุฬห์เศรษฐวิทย์ จากรอบคัดเลือก
ขณะเดียวกัน ในประเภทหญิงเดี่ยว ลีเดียร์ พอดโกริซานี่ นักเทนนิสมือวางอันดับ 2 ของรายการ ชาวสุราษฎร์ธานี ที่มีเชื้อสายไทย-รัสเซีย สามารถเอาชนะพิมพ์มาดา ลิม ชาวกรุงเทพฯ ที่มีเชื้อสายไทย-สิงคโปร์ ได้อย่างไม่เสียเกม ด้วยคะแนน 6-0 และ 6-0 ทำให้ลีเดียร์ผ่านเข้าสู่รอบ 16 คนสุดท้ายเช่นกัน โดยเธอจะพบกับลัลดา กำหอม ที่เอาชนะปทิตตา สิงห์ทอง มาได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีผลการแข่งขันอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในประเภทชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักเทนนิสไทยที่หลากหลาย
การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นเวทีสำหรับนักกีฬาไทยในการแสดงความสามารถ แต่ยังเป็นโอกาสให้แฟนเทนนิสได้ชมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น และเห็นอนาคตของวงการเทนนิสไทยที่สดใส
การแข่งขันเทนนิสไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิพ ไม่ได้เพียงแค่เป็นการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของนักเทนนิสไทย ทั้งยุทธนาและลีเดียร์ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความแข็งแกร่งในการแข่งขัน ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนที่สนใจในกีฬานี้
นอกจากนี้ การแข่งขันยังสะท้อนถึงการพัฒนาของวงการเทนนิสไทย ที่มีนักกีฬาที่มีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีโอกาสในการแข่งขันระดับนานาชาติมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ
การต่ออายุตำแหน่งผู้นำในวงการกีฬาสำหรับคนพิการของประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อนายอำนวย กลิ่นอยู่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยอีกครั้ง เป้าหมายหลักของเขาคือการยกระดับมาตรฐานการแข่งขันและการฝึกฝนนักกีฬา เพื่อเตรียมความพร้อมในการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ที่กำลังจะมาถึง เขาหวังว่าจะสามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นให้กับประเทศในระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ นายอำนวยยังมีแผนงานสำคัญในการพัฒนาศูนย์กีฬาเฉพาะสำหรับคนพิการ โดยโครงการนี้รวมถึงการเช่าที่ดิน 20 ไร่ในสมุทรปราการ เพื่อสร้างสปอร์ตคอมเพล็กซ์ที่มีมาตรฐานสากล สถานที่นี้จะใช้สำหรับการฝึกอบรมและการจัดการแข่งขันที่เหมาะสมสำหรับนักกีฬาผู้พิการทุกรูปแบบ โครงการนี้คาดว่าจะใช้งบประมาณ 200 ล้านบาท และจะเริ่มดำเนินการภายในระยะเวลา 4 ปี
การพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาคนพิการไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างโอกาสในการคว้าเหรียญรางวัลเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความพยายามของผู้พิการในการเอาชนะอุปสรรค การสนับสนุนจากสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านกีฬาสำหรับคนพิการสะท้อนถึงค่านิยมทางสังคมที่เน้นความเสมอภาคและความก้าวหน้าของทุกกลุ่มคน นี่คือการสร้างอนาคตที่สดใสและเปิดกว้างสำหรับทุกคนในสังคม