ในการแข่งขันกรีฑาสำหรับผู้สูงอายุครั้งที่ 29 ที่จังหวัดเชียงราย ได้มีนักกีฬาจากทั่วประเทศและต่างประเทศเกือบ 2,000 คนเข้าร่วม โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การลงแข่งของคุณตาสว่าง จันทร์พราหมณ์ วัย 105 ปี ซึ่งสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ถึงสองรายการในวันแรกของการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาไทยและต่างชาติอีกหลายคนที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมและคณะกรรมการเป็นอย่างมาก

เรื่องราวของคุณตาสว่างและนักกีฬาผู้สูงอายุที่เชียงราย

ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยแสงแดดอ่อนๆ ในเมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงรายกลายเป็นเวทีแห่งความท้าทายและความภาคภูมิใจสำหรับนักกีฬาผู้สูงอายุกว่า 2,000 คน ที่เดินทางมาจากทั่วประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อร่วมแข่งขันในกีฬาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งที่ 29

หนึ่งในนักกีฬาที่สร้างความประทับใจมากที่สุดคือคุณตาสว่าง จันทร์พราหมณ์ วัย 105 ปี ซึ่งลงแข่งขันในสี่รายการ ได้แก่ ทุ่มน้ำหนัก วิ่ง 100 เมตร ขว้างจักร และพุ่งแหลน ในการแข่งขันวันแรก (13 กุมภาพันธ์) คุณตาสว่างสามารถคว้าเหรียญทองได้ถึงสองรายการ คือ พุ่งแหลนและวิ่ง 100 เมตร

นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาคนอื่นๆ ที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น เช่น ณัฐพล นามกันหา อดีตนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งคว้าแชมป์กระไกลชายด้วยสถิติ 5.24 เมตร

การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของนักกีฬาแต่ละคนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของผู้สูงอายุที่ยังคงมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองและสร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวและสังคม

การแข่งขันกีฬาสำหรับผู้สูงอายุครั้งนี้เป็นการยืนยันว่า การฝึกฝนและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสามารถทำให้เราสามารถรักษาสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงได้แม้ว่าจะอยู่ในวัยที่สูงแล้ว ความสำเร็จของคุณตาสว่างและนักกีฬาคนอื่นๆ เป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มีอายุมากและคนรุ่นใหม่ที่ควรหันมาใส่ใจในสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น

การกลับมายังวงการละครของน๊อต นุติ เขมะโยธิน นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าในโปรเจคใหม่ ผลงานชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความสามารถในการกำกับละครเท่านั้น แต่ยังเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของสมเด็จพระสุพรรณกัลยา ซึ่งเป็นพระพี่นางในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยความภาคภูมิใจและทุ่มเทสรรพกำลัง น๊อต นุติ มุ่งมั่นสร้างละครพีเรียดคุณภาพ เพื่อเทิดพระเกียรติและให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย

นอกจากนี้ การนำเสนอเรื่องราวของสมเด็จพระสุพรรณกัลยายังเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ให้แก่คนรุ่นหลัง ทำให้เข้าใจถึงความพยายามและความเสียสละของบรรพบุรุษที่ได้ปกป้องแผ่นดินไทย ละครนี้จะแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสามพระนามที่อยู่ในหัวใจคนไทยตลอดกาล รวมถึงการนำบทประพันธ์ของดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์แนวพีเรียด อิงประวัติศาสตร์ ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของนางเอกยุคปัจจุบันที่ได้พบหนังสือเก่าและหลงเข้าไปในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์

การสร้างสรรค์ละครแบบนี้ไม่เพียงแค่เป็นการนำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างอดีตและปัจจุบัน กระตุ้นให้คนไทยตระหนักถึงคุณค่าของประวัติศาสตร์และภูมิใจในชาติ ละครนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจถึงความสำคัญของการรักษาและกอบกู้แผ่นดิน พร้อมทั้งเสริมสร้างความรักชาติและความภูมิใจในความเป็นไทย