ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 กรมธนารักษ์ได้เปิดให้บริการรับแลกคืนเหรียญกษาปณ์เคลื่อนที่ใน 5 จังหวัด เพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของเหรียญและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการแลกคืนเหรียญทั้งสภาพดีและชำรุด โดยกำหนดสถานที่และเวลาให้บริการอย่างชัดเจน พร้อมจำกัดวงเงินการแลกคืนไม่เกิน 10,000 บาทต่อรายต่อวัน เพื่อรองรับความต้องการของประชาชนที่มีเหรียญสะสมไว้
กรมธนารักษ์ได้นำเสนอทางเลือกใหม่ในการแลกคืนเหรียญกษาปณ์สำหรับประชาชนที่ยากต่อการเข้าถึงบริการตามปกติ โดยใช้รถรับแลกคืนเหรียญเคลื่อนที่ ซึ่งจะออกให้บริการในพื้นที่ที่กำหนด ทำให้ประชาชนสามารถนำเหรียญที่มีอยู่มาแลกคืนได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหรียญสภาพดีหรือชำรุด
การให้บริการนี้ครอบคลุมเหรียญทุกชนิดราคา รวมถึงเหรียญที่ชำรุด เช่น เหรียญที่ดำคล้ำ ถูกตัด ถูกตอก ถูกตี เจาะรู หรือบิดงอ การดำเนินการนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เหรียญที่ถูกเก็บไว้กลับมาเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ที่ต้องการแลกคืนเหรียญโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานหลัก
กรมธนารักษ์ได้กำหนดแผนการให้บริการแลกคืนเหรียญเคลื่อนที่อย่างชัดเจน โดยระบุวันที่และสถานที่ให้บริการในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ประชาชนสามารถวางแผนในการนำเหรียญมาแลกคืนได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ยังมีการจำกัดวงเงินการแลกคืนไม่เกิน 10,000 บาทต่อรายต่อวัน เพื่อป้องกันการใช้บริการอย่างไม่เหมาะสม
ตามแผนการให้บริการ เริ่มจากจังหวัดสุพรรณบุรีในวันที่ 4-5 กุมภาพันธ์ ที่ปตท.หน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ต่อด้วยจังหวัดสระบุรีในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่สระบุรี ต่อมาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ศาลหลักเมืองจังหวัดปราจีนบุรี และในวันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ ที่องค์พระปฐมเจดีย์จังหวัดนครปฐม ปิดท้ายด้วยจังหวัดฉะเชิงเทราในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ศาลาจตุรมุข การกำหนดระยะเวลาและสถานที่อย่างชัดเจนนี้ช่วยให้ประชาชนสามารถวางแผนการใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทแกร็บ ประเทศไทย เผยยอดคนขับที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) บนแพลตฟอร์มของตนเองเกิน 10,000 คันแล้ว โครงการนี้ซึ่งดำเนินมาถึงปีที่สาม ได้รับความสนับสนุนจากพันธมิตรหลายราย เพื่อผลักดันนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การขยายเครือข่ายพันธมิตรและการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะใน 10 จังหวัดหลักทั่วประเทศ
ในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา แกร็บได้ประกาศความสำเร็จของโครงการ Grab EV ที่ก้าวเข้าสู่ปีที่สาม โดยมียอดคนขับที่ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเกิน 10,000 คันแล้ว โครงการนี้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดหลัก เช่น กรุงเทพฯ, ภูเก็ต, ชลบุรี, เชียงใหม่, นครราชสีมา, ขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, สงขลา, อุดรธานี และอุบลราชธานี
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของแกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จของโครงการนี้มาจากความร่วมมือระหว่างแกร็บและพันธมิตรใหม่ห้าราย ได้แก่ SUSCO, Whale EV, AGEWAY, SHARGE และ Spark EV ที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโปรแกรมและสิทธิประโยชน์สำหรับคนขับ เช่น โปรแกรมผ่อนขับรับรถ และโปรแกรมเช่าครบจบบนแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์จากสถานีชาร์จไฟฟ้าที่ช่วยให้คนขับสามารถเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ GrabForGood หรือ "แกร็บ...เพื่อชีวิตที่ดีกว่า" ที่มุ่งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ แกร็บไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกับพันธมิตรหลากหลายภาคส่วนเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับข้อดีของการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า
สะท้อนผ่านจำนวนคนขับที่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นนับ 10,000 คัน และจำนวนผู้ใช้บริการที่เลือกใช้รถอีวีเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้แกร็บมุ่งมั่นเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม
ในฐานะผู้ใช้บริการและผู้สนใจด้านสิ่งแวดล้อม การที่แกร็บสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นขั้นตอนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ และการพัฒนาโปรแกรมที่ช่วยให้คนขับเข้าถึงยานยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น เป็นแนวทางที่น่าชื่นชมและควรได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
การพิจารณาคุณภาพของรถมือสองเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพื่อให้แน่ใจว่ารถที่เลือกมีสภาพดีและพร้อมใช้งาน การตรวจสอบอย่างละเอียดจะช่วยลดความเสี่ยงในการพบปัญหาหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอนาคต แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการซื้อ-ขายรถมือสองหลายแห่งได้นำเสนอมาตรฐานการตรวจสอบที่ครอบคลุม เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในคุณภาพของรถที่เลือก
กระบวนการตรวจสอบสภาพรถประกอบด้วยหลายส่วน เช่น การประเมินโครงสร้างภายในและภายนอกเครื่องยนต์ รวมถึงการตรวจสอบระดับน้ำท่วม สำหรับโครงสร้างรถยนต์ การตรวจสอบจะเน้นไปที่ความแข็งแรงและความปลอดภัย รถที่เคยเกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนกระทบต่อแชสซีจะไม่สามารถนำมาประกาศขายได้ ส่วนเครื่องยนต์ จะต้องตรวจสอบประสิทธิภาพและการทำงานของระบบต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบสภาพภายนอกและภายในห้องโดยสาร เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนของรถอยู่ในสภาพสมบูรณ์และพร้อมใช้งาน
การใช้บริการจากแพลตฟอร์มที่มีมาตรฐานการตรวจสอบเข้มงวดจะช่วยให้ผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของรถมือสองที่เลือก เว็บไซต์เหล่านี้ยึดมั่นในการนำเสนอรถที่ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญตามมาตรฐานสากล ทำให้การซื้อรถมือสองกลายเป็นประสบการณ์ที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งานหรือการลงทุน การเลือกรถมือสองที่มีคุณภาพจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในการเดินทางทุกครั้ง