XE
Volvo EC40: Chiếc Xe Điện Sang Trọng Đáng Mua Nhất Tại Việt Nam
2024-11-16
Sau gần hai năm vắng bóng, Volvo đã chính thức gia nhập "cuộc đua" xe điện tại Việt Nam với mẫu crossover cỡ trung EC40. Với mức giá 1,739 tỷ đồng, EC40 trở thành chiếc xe sang thuần điện dễ tiếp cận nhất trên thị trường, vượt qua cả Mercedes-Benz EQB 250 (2,289 tỷ đồng). Đây là một bước đột phá đáng chú ý của Volvo trong việc mở rộng thị phần và cạnh tranh với các đối thủ trong phân khúc xe điện cao cấp tại Việt Nam.

Chiếc Xe Điện Sang Trọng Đáng Mua Nhất Tại Việt Nam

Thiết Kế Ấn Tượng, Nội Thất Cao Cấp

Volvo EC40 sở hữu thiết kế ấn tượng với sự kết hợp giữa những đường nét đơn giản và kiểu dáng CUV lai coupe năng động. Ngoại thất của xe được "nhân bản" từ mẫu XC40, nhưng với những điểm nhấn riêng như mặt ca-lăng kín, cụm đèn hậu full-LED và cặp cánh lướt gió hoành tráng. Bộ mâm 19 inch với những nan to bản hai tông màu tạo cảm giác sang trọng và thể thao.Bên trong, EC40 thừa hưởng toàn bộ tiện nghi quen thuộc trên XC40, như bảng đồng hồ kỹ thuật số 12 inch, màn hình cảm ứng 9 inch hỗ trợ kết nối Apple CarPlay, dàn âm thanh Harman Kardon 600W, và nhiều tính năng an toàn tiên tiến. Đặc biệt, Volvo đã tô điểm cho khoang lái bằng những mảng ốp trang trí kèm hiệu ứng ánh sáng ấn tượng, tạo cảm giác sang trọng và tinh tế.

Hiệu Suất Vượt Trội, Phạm Vi Hoạt Động Ấn Tượng

Được trang bị cặp mô-tơ điện sản sinh tổng công suất 408 mã lực và mô-men xoắn cực đại 670Nm, EC40 có khả năng tăng tốc từ 0-100km/h trong 4,7 giây, vận tốc tối đa 180km/h. Điều này khiến EC40 trở thành một trong những mẫu xe điện có hiệu suất vận hành mạnh mẽ nhất trong phân khúc.Năng lượng cho hệ thống động cơ được trữ trong bộ pin Lithium-ion 78 kWh, cho phép xe đi được tối đa 510km sau mỗi lần sạc đầy. Thời gian sạc 10-80% với trụ DC 150kW là 35 phút, và 0-100% bằng bộ sạc AC 11kW (điện 3 pha) là khoảng 8 tiếng. Với những con số ấn tượng này, EC40 đáp ứng tốt nhu cầu di chuyển hàng ngày của người dùng.

Giá Cả Hợp Lý, Trang Bị Đầy Đủ

Với mức giá 1,739 tỷ đồng, EC40 trở thành chiếc xe sang thuần điện dễ tiếp cận nhất trên thị trường Việt Nam, rẻ hơn 81 triệu đồng so với phiên bản XC40 chạy xăng. Đây là một ưu điểm lớn của EC40 khi so sánh với các đối thủ cùng phân khúc.Bên cạnh đó, EC40 cũng được trang bị đầy đủ các tính năng an toàn và tiện nghi cao cấp, như Hỗ trợ lái xe an toàn City Safety, Hỗ trợ lái nâng cao Pilot Assist, Kiểm soát hành trình chủ động, Hỗ trợ giữ làn đường, Cảnh báo và ngăn ngừa va chạm phía sau, Cảnh báo phương tiện cắt ngang, và Cảnh báo người lái mất tập trung. Đây là những trang bị đáng giá mà không phải mẫu xe điện nào cũng có được.

Thách Thức Về Hạ Tầng Sạc Xe Điện

Tuy nhiên, vấn đề trạm sạc công cộng vẫn là một thách thức lớn đối với Volvo EC40 cũng như các mẫu xe điện khác khi triển khai tại Việt Nam. Hiện tại, hệ thống trạm sạc công cộng vẫn chưa phát triển đồng bộ, khiến người dùng phải cân nhắc kỹ lưỡng trước khi quyết định mua xe.Một số ý kiến cho rằng tệp khách hàng chủ yếu của EC40 là những người sở hữu nhà riêng, có thể sạc được tại nhà, hoặc họ đã có phương tiện chính là một chiếc xe khác. Tuy nhiên, tình huống trong 10% còn lại khi không thể sạc tại nhà cũng sẽ khiến người dùng phải cân nhắc trước khi "xuống tiền".Volvo cần phải đẩy mạnh hơn nữa việc hợp tác với các nhà cung cấp dịch vụ sạc xe điện, nhằm mở rộng hệ thống trạm sạc công cộng, giúp người dùng yên tâm hơn khi lựa chọn EC40 là phương tiện chính của mình.
ท้องถิ่นไทยร่วมใจพัฒนาเด็กสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล
2024-11-16
ในช่วงที่ผ่านมา กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตของบุคคลในสมาคมพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ (ประเทศไทย) ซึ่งได้เข้ามาเสนอโครงการความร่วมมือกับท้องถิ่นในการพัฒนาเด็กและเยาวชนด้านกีฬาฟุตบอล ทำให้ สถ. ต้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและระงับการดำเนินโครงการชั่วคราว

### การตรวจสอบข้อเท็จจริงจากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 2,000 กว่าแห่ง จาก 64 จังหวัด ที่ตอบกลับมาว่าได้เข้าร่วมโครงการกับสมาคมพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ (ประเทศไทย) ซึ่งมีทั้งหมด 3 โครงการ โดยมี อปท. เข้าร่วมโครงการรวม 21 แห่ง และจากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบความเสียหายแต่อย่างใด### โครงการท้องถิ่นไทยพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศโครงการแรกคือ "โครงการท้องถิ่นไทยพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ" ซึ่งมี อปท. เข้าร่วมจำนวน 2 แห่ง โดย อปท. เป็นผู้ดำเนินการเอง โดยเชิญสมาคมฯ มาช่วยสนับสนุนผู้ฝึกสอน (Coach) ซึ่ง อปท. จ่ายเพียงค่าเบี้ยเลี้ยงของผู้ฝึกสอนเท่านั้น### โครงการท้องถิ่นร่วมใจแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยกีฬาฟุตบอลโครงการที่สอง คือ "โครงการท้องถิ่นร่วมใจแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนด้วยกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ" ซึ่งมี อปท. เข้าร่วมจำนวน 19 แห่ง โดย อปท. เป็นผู้ดำเนินการเอง ไม่ได้อุดหนุนเงินให้กับสมาคมแต่อย่างใด แต่เชิญสมาคมฯ มาสนับสนุนผู้ฝึกสอน ซึ่ง อปท. จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงให้### โครงการท้องถิ่นไทยร่วมใจสานฝันเด็กไทยสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬาส่วนโครงการที่สาม คือ "โครงการท้องถิ่นไทยร่วมใจสานฝันเด็กไทยสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬา" นั้น ไม่มี อปท. เข้าร่วมโครงการ### การจัดซื้อจัดจ้างของท้องถิ่นในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้างของ อปท. นั้น ทำตามระเบียบของ อปท. เอง โดยส่วนใหญ่จะซื้อลูกฟุตบอล อุปกรณ์กีฬา และเสื้อผ้า ในวงเงินไม่มากนัก ประมาณ 10,000 - 20,000 บาทต่อแห่ง ขึ้นอยู่กับจำนวนเด็กและอุปกรณ์ที่ต้องการ ส่วนค่าโค้ชนั้น อปท. จะจ่ายเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับผู้ฝึกสอนที่สมาคมฯ ส่งมา วันละ 2,000 - 3,000 บาทต่อคน### การประสานงานกับสมาคมฯสมาคมพัฒนานักกีฬาฟุตบอลสู่ความเป็นเลิศ (ประเทศไทย) ได้เข้ามาติดต่อกับ สถ. ในช่วงปลายปี 2567 โดยแนะนำตัวว่าเป็นเลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ (ภจท.) สภาผู้แทนราษฎร และเป็นนายกสมาคมฯ เพื่อเสนอโครงการต่าง ๆ ให้ สถ. ช่วยประชาสัมพันธ์ไปยัง อปท. ทั่วประเทศ ซึ่ง สถ. ได้พิจารณาแล้วว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน จึงได้ออกหนังสือประชาสัมพันธ์ไปยัง อปท. ทั้ง 7,848 แห่ง### ความท้าทายในการพัฒนาเด็กสู่ความเป็นเลิศอย่างไรก็ตาม นายพลวัฒน์ กล่าวว่า "โครงการแบบนี้ มีท้องถิ่นไม่กี่แห่งที่พยายามสนับสนุนเด็ก ปั้นเด็กขึ้นมาให้เป็นดาวรุ่งแล้วมาแข่งในระดับที่สูงขึ้น เพราะไม่ใช่เด็กจะสามารถปั้นได้ทุกที่ ไม่ใช่เอาเด็กที่ไหนก็ได้จะปั้นได้ ต้องมีตัวก่อนถึงจะทำโครงการ ซึ่งการหาตัวดาวรุ่งในพื้นที่ยาก"### การเข้มงวดมากขึ้นหลังจากเกิดกรณีนี้ นายพลวัฒน์กล่าวว่า กรมฯ จะต้องตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น โดยจะต้องรีเช็กทั้งหมด ไม่กล้าเสี่ยงอีก แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยประชาสัมพันธ์ให้ อปท. ร่วมโครงการก็ตาม เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
See More
เวชพงศ์โอสถ: 120 ปีแห่งความไว้วางใจและความมุ่งมั่นในการยกระดับสุขภาพคนไทย
2024-11-16
กลุ่มเวชพงศ์โอสถ ได้ฉลองครบรอบ 120 ปีแห่งความไว้วางใจจากผู้บริโภคในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำธุรกิจยาจีนและยาสมุนไพรไทย โดยมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้แข็งแรงและมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูง ตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพในราคาที่เป็นธรรม และยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคม

ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริการที่ครบวงจร เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย

การสืบทอดและการเติบโตของเวชพงศ์โอสถ

เวชพงศ์โอสถ เริ่มต้นจากร้านขายยาสมุนไพร "ฮกอันตึ๊ง" บนถนนเยาวราชเมื่อ 120 ปีที่แล้ว ก่อนจะเติบโตเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งในตลาดยาจีนและสมุนไพรไทย ภายใต้การบริหารของตระกูลเวชพงศา โดยนายเจนกิจ เวชพงศา ได้นำแนวคิดใหม่ ๆ มาปรับใช้ เช่น การปรับโฉมร้านให้ทันสมัยและสะดวกสบาย หรือการขยายผลิตภัณฑ์สุขภาพจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นจากลูกค้าและขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและภูมิภาค จนได้รับใบอนุญาตนำเข้ารวมทั้งสิทธิ์ในการจัดจำหน่ายยาชั้นนำอีกกว่า 30 ชนิด อาทิ ยาฮวงชัวจี่กิบอี้ จากมาเลเซีย, ยาป่ายฟุ่ง และยางู้อึ้งโก้ยตั๊กเพี่ยงจากจีน ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าและความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ของเวชพงศ์โอสถ ทำให้แบรนด์ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และในปีพ.ศ. 2528 เวชพงศ์โอสถได้สร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญ เมื่อได้รับสิทธิ์ในการจำหน่าย "ยาเพี่ยนจือหวัง" อย่างเป็นทางการเป็นรายเดียวในประเทศไทย ยาเพี่ยนจือหวังเป็นหนึ่งในตำรับยาจีนโบราณที่มีประวัติยาวนานกว่า 450 ปี พร้อมทั้งมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้รับการตอบรับดีจากตลาด เช่น ยาซานเปียน, น้ำมันตรากุ้งคู่, ยาเทียะผีเฟ่งโต้วจิน ยาอมและยาเป่าคอซานจินซีกวาซวน จากประเทศจีนและสิงคโปร์ ตามลำดับเวชพงศ์โอสถ เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา จากการสืบทอดธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่น สู่การขยายเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ จนได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแค่สะท้อนถึงการปรับตัวให้ทันกับความต้องการตลาด แต่ยังทำให้เวชพงศ์โอสถยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดยาจีนและผลิตภัณฑ์สุขภาพในประเทศไทย

การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

ด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไปข้างหน้าและประสบการณ์ยาวนาน เวชพงศ์โอสถมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรในจีนและภูมิภาคอื่น ๆ โดยยึดมั่นในหลักการทำธุรกิจที่มีคุณธรรมและความซื่อสัตย์ การดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบนี้ช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจจากลูกค้าและคู่ค้า ทำให้แบรนด์ยืนหยัดเป็นผู้นำในด้านสุขภาพอย่างยั่งยืนเวชพงศ์โอสถได้ปรับตัวให้ทันสมัยเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยการขยายสาขาไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ เช่น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่, เซ็นทรัล เดอะมอลล์ และไอคอนสยาม รวมถึงเปิดช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าดิจิทัลมากขึ้น นับตั้งแต่เปิดสาขาแรกในปี 2559 จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 15 สาขา บริษัทให้ความสำคัญกับการออกแบบร้านและโลโก้ที่ทันสมัย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าอายุ 30-40 ปี โดยเน้นการให้บริการด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน เช่น การใช้ "หมอแมะ" และเทคโนโลยีสมัยใหม่จากปักกิ่งในการแปลงยาสมุนไพรต้มให้เป็น "แกรนูล" ยาสมุนไพรสกัดผงชงสำเร็จที่สะดวกต่อการพกพาและรับประทานง่ายนอกจากนี้ เวชพงศ์โอสถยังได้ขยายธุรกิจสู่บริการสุขภาพที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ เช่น การเปิดตัว Gaya The Retreat Residence ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญด้านอัลไซเมอร์, เวชพงศ์โอสถ คลินิก คลินิกแพทย์แผนจีนรูปแบบใหม่, S&V Herbal Clinic คลินิกแพทย์แผนไทยแบบองค์รวม, และ Santé Good Health ร้านออนไลน์จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ พร้อมบริการคำแนะนำจากเภสัชกร การขยายธุรกิจเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคผ่านการดูแลสุขภาพที่ครบวงจรและมีมาตรฐานสูง

120 ปีแห่งความไว้วางใจและการขอบคุณจากใจจริง

ในโอกาสครบรอบ 120 ปีแห่งความไว้วางใจนี้ เวชพงศ์โอสถขอส่งคำขอบคุณจากใจไปยังลูกค้า พันธมิตร และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนจากทุกท่านคือแรงผลักดันที่ทำให้เราสามารถเติบโตและพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เราในฐานะเวชพงศ์โอสถ ยืนยันที่จะรักษาความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบต่อสังคม และสุขภาพของทุกคน พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาตนเองเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ด้วยความตั้งใจและความรักที่เรามีต่อทุกท่าน เราจะไม่หยุดยั้งในการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนและความแข็งแรงของคนไทยต่อไปในอนาคต
See More