Unraveling the Shift from Toys to Video Games at Christmas
The Decline of Toy Demand
Once upon a time, Christmas mornings were filled with the excitement of unwrapping a brand new toy. Whether it was the classic Hungry Hungry Hippos or the thrilling Spiderman web shooter, toys brought joy to countless children. However, times have changed. The allure of video games has grown significantly, and toys no longer hold the same appeal.
This shift can be attributed to several factors. With the advancement of technology, video games have become more immersive and interactive. They offer a world of adventure and entertainment that can captivate children for hours on end. On the other hand, some toys may seem outdated or less engaging in comparison.
The Rise of Video Games
Video games have taken the Christmas gift scene by storm. They come in a variety of forms, from console games to mobile apps, catering to different age groups and interests. For example, popular games like Minecraft and Fortnite have become household names, with children eagerly awaiting the latest updates and expansions.
The appeal of video games lies in their ability to provide a sense of achievement and social interaction. Players can compete with friends or join online communities, enhancing the gaming experience. Moreover, video games often offer educational value, such as improving problem-solving skills and hand-eye coordination.
The Impact on Christmas Traditions
The shift from toys to video games has had an impact on Christmas traditions. While unwrapping a toy still holds a special place in many hearts, the addition of video games has added a new dimension to the holiday. Families now gather around the TV or gaming console, sharing in the excitement of playing together.
However, it is important to strike a balance between toys and video games. Both can contribute to a memorable Christmas, and each has its own unique charm. By incorporating a mix of both, parents can ensure that their children have a diverse and enjoyable holiday season.
ความคิดเห็นของนก ฉัตรชัย
นก ฉัตรชัยกล่าวว่า ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดหรอกนะครับ เพราะยังไม่มีการบอกกล่าวว่าสิ้นสุดแล้วนะ. ไม่ต้องมายื่นแล้วนะ ไม่มีการบอกกล่าว. การที่เรามาทำกับโมโนเหมือนเรามาเป็นบริษัทรับจ้างผลิตรายหนึ่งเท่านั้นเอง. ไม่มีปัญหา (ช่อง 3 ให้อิสระในการทำงาน?) ใช่ครับ. พูดตรงๆหลากหลายมากขึ้น. และการทำงานสไตล์ของแต่ละช่องก็ไม่เหมือนกัน. ช่อง 3 อยากได้เนื้องานอีกแบบหนึ่ง. แบบไหนที่ไม่ตอบโจทย์ฐานคนดูของช่อง เขาก็ยังไม่อยากได้. มีหลายเรื่องที่เรายื่นไปแล้วมันไม่ผ่าน. โมโนก็จะเปิดกว้างขึ้นอีกนิดนึง.
มันเกิดการชะงักงันของช่อง. ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เฉพาะช่อง 3 ช่องเดียว. มันคือทั้งหมดเลย. สิ่งที่มันเกิดขึ้นมันโทษใครไม่ได้. ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว. ไม่ต้องมีซีจีมาก. ไม่ต้องบู๊มาก (ยังได้เห็นผลงานนก ฉัตรชัย กับทางช่อง 3?) ถ้าเรายื่นเสนอไปแล้วผ่านเราก็กลับไปทำ เพราะทางโมโนไม่ได้ห้ามอยู่แล้ว.
ความคิดเห็นของนก จริยา
ของนกทุกอย่างเรียบง่ายมากเลยค่ะ. คิดว่าผู้ใหญ่เข้าใจดี. พี่นกได้มีโอกาสเข้าไปคุย. ก็แจ้งไป. ผู้ใหญ่ก็บอกว่ายินดีนะ. ก็ยังให้คำแนะนำมา. พี่นกว่ามันอยู่ในความเข้าใจและเรียบง่ายในความสัมพันธ์ของเราทุกอย่างที่ให้โอกาสพวกเรากันตลอดมาอยู่แล้ว. ทางโมโนเองมีพื้นที่งานที่หลากหลายน่าท้าทาย. ทุกคนมีความเข้าใจกันอยู่แล้วว่าธุรกิจ หรือว่างานมันกำลังถูกปรับเปลี่ยน. ทุกคนให้กำลังใจกัน. เราไม่ได้สู้กับใคร. เราสู้กับตัวเราเอง. เรากำลังช่วยกันทำให้คอนเทนต์ไทยสู้กับสากลให้ได้มากกว่า.
ความคิดเห็นของหน่อง อรุโณชา
จริงๆ เราก็ทำงานปกติ. กำลังเตรียมงานอยู่กับทางช่อง 3. แต่ตรงนี้ก็เป็นงานอีกรูปแบบหนึ่งของการผลิตละครในแนวซีรี่ส์. การทำงานเป็นเรื่องของการพัฒนาในการทำงานมากกว่าในเรื่องของคุณภาพลักษณะงานที่เป็นซีรี่ส์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบท นักแสดง และการถ่ายทำ. อุปกรณ์ที่ต้องทุกระดับคุณภาพ. เรามองว่าเราควรจะเป็นตลาดที่กว้างมากขึ้น.
การทำงานแต่ละช่องแตกต่างกันมาก. แต่เรายังคงมีความรักและความเชื่อในงานของเรา. เรากำลังเรียนรู้และพัฒนาเพื่อให้งานเรามีคุณภาพยิ่งขึ้น.
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่.