Applications are now open for a remarkable state-funded initiative aimed at helping Hawai‘i-based entrepreneurs take their food products from concept to business plan and pitch. This program provides essential tools to fuel the growth and scalability of their businesses.

Unlock Success with Hawai‘i's Entrepreneurial Program

Empowering Through Education

The Hawai‘i Ag and Culinary Alliance's Cottage Industry to Commercial Enterprise Scholarship offers a significant boost. It provides $1,000 towards the $1,500 tuition for Leeward Community College's 12-week ʻĀina to Mākeke course. This course is meticulously designed to equip participants with the skills needed to successfully bring their food products to market. It covers various aspects such as licensing & regulations, operating in commercial kitchens, branding & marketing, packaging, sales & distribution, and more. Entrepreneurs are responsible for the remaining $500 course fee.This program not only offers financial assistance but also opens doors to valuable knowledge and resources. By enrolling in this course, entrepreneurs gain the confidence and expertise to navigate the complex world of food business. It serves as a stepping stone towards realizing their entrepreneurial dreams.

Access to Advanced Facilities

Cohort participants are introduced to the Wahiawā Value-Added Product Development Center. This state-of-the-art facility gives small-batch producers in Hawai‘i the opportunity to scale production, build efficiency, and seek new business avenues. It provides a platform for them to enhance their production capacity and further expand their businesses.The center's advanced equipment and infrastructure enable entrepreneurs to take their products to the next level. They can experiment with different production methods, optimize processes, and explore new markets. This access to cutting-edge resources is a game-changer for local food producers.

Building a Strong Agricultural Industry

“Helping small food producers grow and expand their reach is key to strengthening Hawai‘i’s agricultural industry,” said Denise Yamaguchi, CEO of Hawai‘i Ag & Culinary Alliance. This program truly lives up to its purpose by supporting local food businesses and creating opportunities for Hawai‘i’s agricultural products to thrive in the global market.Since 2023, the alliance has successfully completed four cohorts with 60 entrepreneurs. A remarkable 40% of these entrepreneurs have begun selling their products in retailers like 7-11, ChefZone, Foodland, ABC Stores, Down to Earth, and more. This success story showcases the impact of the program and its ability to drive local economic growth.Applications for Cohort 5 are open now through Dec. 29, 2024. The 12-week ‘Āina to Mākeke courses for Cohort 5 will run from Feb. 10 to April 30, 2025, on Mondays and Wednesdays from 5:30 to 7:30 p.m. An online informational session will be held on Dec. 16, 2024, for those interested in learning more about the program and application process.For more information on the ‘Āina to Mākeke program, requirements, and application, visit www.hawaiifoodandwinefestival.com/cottageindustry.

ในปัจจุบัน Consumer Reports ได้เปรียบเทียบต้นทุนการบำรุงรักษา 10 ปีของแต่ละแบรนด์ในตลาดสหรัฐอเมริกา. การสำรวจนี้รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น การตรวจสอบและซ่อมรถ. จากการคำนวณ เราได้พบว่า Tesla อยู่ในอันดับที่ 1 ค่าบำรุงรักษา โดยมีค่า 1 ดอลลาร์ (ประมาณ 5 วอน)ระหว่าง 580 ถึง 79 ปี, 6 ดอลลาร์ (ประมาณ 10 ล้านวอน)ระหว่าง 3455 ถึง 471 ปี และรวมเป็น 4,035 ดอลลาร์ (ประมาณ 550 ล้านวอน). แบรนด์รถยนต์ที่มีค่าบำรุงรักษาสูงสุดคือ Land Rover โดยมีค่า 10 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านวอน)ในระยะเวลา 9250 ปี ซึ่งเป็นห้าเท่าของ Tesla. ยานพาหนะหรูหราราคาแพงค่าบำรุงรักษาเริ่มสูงขึ้นเช่น BMW ที่มีค่าบำรุงรักษา 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 1700 ล้านวอน)ในช่วงห้าปีแรก แต่เพิ่มขึ้นเป็น 238 ดอลลาร์ (ประมาณ 6 ล้านวอน)ในช่วงปีที่ 10 ถึง 7800 ปี. Hyundai Motors และ Kia อยู่ในระดับกลางมีพื้นที่สำหรับการปรับปรุงเมื่อเทียบกับ Tesla โดยค่าบำรุงรักษาสะสม 10 ปีของ Hyundai และ Kia อยู่ที่ 5640 ดอลลาร์ (ประมาณ 792 ล้านวอน)และ 5850 ดอลลาร์ (ประมาณ 820 ล้านวอน) ตามลำดับ. ค่าบำรุงรักษาสะสม 10 ปีของฮุนได มอเตอร์ และเกีย ยังคงมีการแข่งขันเมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่น.

ค่าบำรุงรักษาในประเทศมีอะไรบ้าง?

แรกคือค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์. หากซื้อเป็นก้อนไม่ต้องตรวจสอบค่าบำรุงรักษา แต่หากซื้อแบบผ่อนชำระ ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าบำรุงรักษารถยนต์. ต่อไปคือภาษีรถยนต์ ซึ่งแบ่งเป็นหลายประเภท. ต่อไปคือประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องมีและมูลค่ายานพาหนะและอื่นๆ จะแตกต่างกันไป. สุดท้ายคือค่าใช้จ่ายในการจัดการและบำรุงรักษารถยนต์ เช่นที่ปัดน้ำฝนและอื่นๆ.

ค่าบำรุงรักษาของ Tesla

Tesla มีค่าบำรุงรักษาเป็นที่ดีที่สุด. ในช่วง 580 ถึง 79 ปี มีค่า 1 ดอลลาร์ (ประมาณ 5 วอน)เพียงแค่这点. ในช่วง 3455 ถึง 471 ปี มีค่า 6 ดอลลาร์ (ประมาณ 10 ล้านวอน). และรวมเป็น 4,035 ดอลลาร์ (ประมาณ 550 ล้านวอน)ในระยะเวลา 10 ปี. Tesla แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในแง่ของต้นทุนการบำรุงรักษา.

ค่าบำรุงรักษาของ Land Rover

Land Rover มีค่าบำรุงรักษาสูงสุดในตลาด โดยมีค่า 10 ดอลลาร์ (ประมาณ 1 ล้านวอน)ในระยะเวลา 9250 ปี ซึ่งเป็นห้าเท่าของ Tesla. ค่าบำรุงรักษาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเมื่อผู้บริโภคเลือกแบรนด์หรู.

ค่าบำรุงรักษาของ BMW

BMW มีต้นทุนเริ่มต้นค่อนข้างต่ำในแบรนด์ยูโรป แต่ค่าบำรุงรักษามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเวลาผ่านไป. ในช่วงห้าปีแรกมีค่า 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 1700 ล้านวอน) แต่เพิ่มขึ้นเป็น 238 ดอลลาร์ (ประมาณ 6 ล้านวอน)ในช่วงปีที่ 10 ถึง 7800 ปี. ส่วนค่าใช้จ่ายสะสมตลอด 1,094 ปีอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ (ประมาณ 9500 ล้านวอน).

ค่าบำรุงรักษาของ Hyundai Motors และ Kia

Hyundai Motors และ Kia อยู่ในระดับกลางมีพื้นที่สำหรับการปรับปรุงเมื่อเทียบกับ Tesla. ค่าบำรุงรักษาสะสม 10 ปีของ Hyundai และ Kia อยู่ที่ 5640 ดอลลาร์ (ประมาณ 792 ล้านวอน)และ 5850 ดอลลาร์ (ประมาณ 820 ล้านวอน) ตามลำดับ. Hyundai Motor มีค่าบำรุงรักษา 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 1140 ล้านวอน)ในช่วงห้าปีแรก แต่เพิ่มขึ้นเป็น 160 ดอลลาร์ (ประมาณ 5 ล้านวอน)ในอีกห้าปีข้างหน้า. Kia ยังคงค่าบำรุงรักษาเริ่มแรกคงที่ที่ 4500 ดอลลาร์ (ประมาณ 632 ล้านวอน)ในช่วงห้าปีแรก แต่เพิ่มขึ้นเป็น 5 ดอลลาร์ (ประมาณ 1450 ล้านวอน)ในอีกห้าปีข้างหน้า.