รถนี้มีระบบที่สามารถควบคุมได้ง่าย ๆ เช่น ฝาท้ายที่เปิด-ปิดได้ 2 รูปแบบ ร่วมกับระบบผ่อนแรง (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD). ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางขนาด 265/60. ด้านภายในลำโพงจำนวน 6 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO และลำโพง Infinity 10 ตำแหน่งสำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD. หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ระบบชาร์จโทรศัพท์มือถือแบบไร้สาย หน้าจอมัลติมีเดียแบบสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, Bluetooth, MP5, online music, online radio, ระบบนำทาง รวมถึงข้อมูลการขับขี่.
ยังมีหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยพร้อมสวิตซ์ควบคุมทั้งเครื่องเสียงและจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่ เกียร์แบบ Electronic Shifter กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start System กระจกมองหลังลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว ระบบปรับระดับอัตโนมัติขณะถอยหลัง* พร้อมระบบจดจำตำแหน่ง* (*เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD) ระบบกรองอากาศ N95 และอื่น ๆ อีกมากมาย.
รุ่น 2.0T HEV PRO DOUBLE CAB AUTO มีราคา 1,189,000 บาทและมีเบาะหนังสังเคราะห์สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 6 ทิศทาง. ในขณะที่รุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD มีราคา 1,389,000 บาทและมีเบาะหนังแท้ที่สามารถปรับไฟฟ้าได้สูงถึง 8 ทิศทาง พร้อมดันหลังไฟฟ้าที่ปรับได้ถึง 4 ทิศทาง. ร่วมกับระบบ Memory Seat และ Welcome Seat มีระบบระบายอากาศและระบบเบาะนวดไฟฟ้าสำหรับเบาะนั่งแถวที่ 1 เบาะนั่งแถวที่ 2 ที่สามารถปรับเอนได้ถึง 33 องศา พร้อมที่พักแขนตอนกลาง ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังโดยเฉพาะ และช่องจ่ายไฟสำรอง 220V (เฉพาะรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD).
GWM POER SAHAR HEV มีระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลายที่จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารมากถึง 29 รายการ. เช่น กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 (SCM) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK).
สำหรับรุ่น 2.0T HEV ULTRA DOUBLE CAB AUTO 4WD ยังมาพร้อมกับระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) อีกด้วย.
GWM POER SAHAR HEV ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อและการควบคุมรถจากระยะไกลผ่าน GWM application ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายขั้นสุดให้กับผู้ขับขี่. เช่น ระบบเปิด-ปิดเครื่องปรับอากาศ ระบบล็อกและปลดล็อกประตู ระบบค้นหาตำแหน่งรถยนต์ และระบบตรวจสอบสถานะอื่น ๆ อีกมากมาย. ไม่เพียงเท่านั้นยังรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียง อาทิ การเปิด-ปิดหรือปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ การโทรออก และการสั่งเปิด-ปิดหน้าต่างรถยนต์ เป็นต้น.
มิติตัวรถที่มีความยาวถึง 5,445 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,991 มิลลิเมตร และความสูง 1,924 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 3,350 มิลลิเมตร ซึ่งนับว่ายาวที่สุดในตลาดรถกระบะในปัจจุบัน ทำให้ห้องโดยสารมีความกว้างขวางสะดวกสบายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร ระยะห่างของล้อคู่หน้าและหลัง 1,635 มิลลิเมตร อีกทั้งยังมาพร้อมกับความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงที่ให้มาถึง 75 ลิตร และความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตรอีกด้วย.
รุ่นรถใหม่จาก BYD มีลักษณะที่แตกต่างจากรถรุ่นที่เคยมีมาก่อน. มือเปิดประตูแบบดึงเป็นประเภทปกติเป็นหนึ่งในลักษณะที่ชัดเจน. รวมไปถึงล้อที่เล็กกว่ารถซีดานทุกรุ่นภายในค่าย, ซึ่งทำให้รถมีความเป็นไปได้และประสิทธิภาพในการใช้งานมากขึ้น.
ยังมีภาพถ่ายของรถรุ่นใหม่จาก BYD ที่ถูกจับภาพในวิ่งทดสอบอย่างรวดเร็ว. รุ่นนี้เป็นรถซีดานไฟฟ้าสำหรับราคาประหยัดมากกว่าเดิมและมีรูปลักษณะแตกต่างจาก Qin L และ Seal 05. สังเกตได้ว่ามือเปิดประตูแบบดึงเป็นประเภทปกติแทนที่มือเปิดประตูแบบซ่อนรูปเหมือนรุ่นอื่นๆ. รวมไปถึงล้อที่เล็กกว่ารถซีดานทุกรุ่นภายในค่าย.
BYD ยังคงเลือกใช้ช่องชาร์จไฟติดตั้งที่ซุ้มล้อด้านขวาเช่นในรุ่นเริ่มต้นเช่น Seagull, Seal และ Yuan Plus หรือ Atto 3. สำหรับตำแหน่งในไลน์อัพของรถรุ่นนี้ BYD ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่ารถรุ่นนี้จะอยู่ในซีรีส์ Dynasty หรือ Ocean. แต่เมื่อพิจารณาสัดส่วนและช่วงเวลาคาดการณ์เปิดตัวของรถรุ่นใหม่นี้, ดูเหมือนจะมีขนาดเล็กกว่า Qin และไม่เคยถูกพูดถึงจากปากของผู้บริหารท่านใดมาก่อน. มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวในช่วงปี 2025 เป็นต้นไป.
BYD ยังมีโอกาสในการแข่งขันมาเพิ่มขึ้นไปอีกเพื่อเป็นการสนับสนุนการบุกตลาดที่พร้อมที่จะโค่นผู้นำแบรนด์ต่างๆ ของโลก. โดยล่าสุดกับการเตรียมไต่ขึ้นเป็นอันดับที่ 6 แทนที่ Ford ภายหลังที่สามารถบรรลุเป้าหมายของยอดขายได้ก่อนสิ้นปี 2024 ไปได้. นับว่าเป็นความพยายามที่จะลงแข่งในทุกระดับราคา.
BYD ได้เลือกผลิตภัณฑ์เพื่อไปทำตลาดในประเทศต่างๆ โดยไม่ทับซ้อนกัน. เช่น ATTO 3, Dolphin, Seal และล่าสุดกับ Sealion 7 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีต่างๆ ท่วมคัน. BYD ยังมีเพียงรถ Hatchback ขุมพลังไฟฟ้าล้วนอย่าง Dolphin ที่รุกตลาดราคาระดับเริ่มต้น. ยังคงมีช่องว่างสำรหบัตลาดรถซีดานโดยเฉพาะที่สามารถนำไปทำรถแท็กซี่ได้.
ทั้งนี้เป็นการแสดงความสามารถและความรับผิดชอบของ BYD ในด้านการนำไปทำตลาดในประเทศต่างๆ. โดยไม่แบ่งแยกและสามารถแข่งขันกับผู้นำแบรนด์ต่างๆ ได้อย่างดี.