บริษัท Maextro ซึ่งเป็นผลจากการร่วมทุนระหว่าง Huawei และ JAC ได้เผยภาพของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกอย่าง Maextro S800 ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 รถยนต์นี้ถูกพัฒนาภายใต้ความร่วมมือ HIMA ของ Huawei และจะแข่งขันกับแบรนด์หรูระดับโลกเช่น Mercedes-Benz Maybach และ Nio ET9 โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติและระบบ AI ล้ำสมัย
รายละเอียดของ Maextro S800 รถยนต์ไฟฟ้าสุดหรู
ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่สวยงาม บริษัท Maextro ได้เผยโฉมรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ S800 ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ 4 ภายใต้ความร่วมมือ HIMA ของ Huawei รถยนต์คันนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ด้วยความยาว 5,480 มม. กว้าง 2,000 มม. สูง 1,536 มม. และระยะฐานล้อยาว 3,370 มม. นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน BEV (รถยนต์ไฟฟ้าล้วน) และ EREV (รถยนต์ไฟฟ้าขยายระยะทาง)
การออกแบบภายนอกของ Maextro S800 ได้รับแรงบันดาลใจจากแบรนด์หรูหลายแห่ง เช่น Bentley และ Rolls-Royce ทำให้มีลักษณะที่โดดเด่นและหรูหรา ช่องรับลมด้านหน้าที่ประดับด้วยโครเมียม เสริมด้วยไฟตกแต่งขนาดเล็กที่ดูเหมือนดวงดาว ภายในห้องโดยสารยังคงความลึกลับ แต่มีเบาะที่นั่งแบบแยกส่วนสำหรับผู้โดยสาร 4 คน พร้อมการออกแบบหลังคาด้านในที่ดูคล้ายท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ประดับด้วยดวงดาวระยิบระยับ
ในด้านเทคโนโลยี Maextro S800 ใช้แพลตฟอร์ม Tuling Intelligent Chassis ของ Huawei ทั้งเวอร์ชัน BEV และ EREV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง โดยรุ่น BEV มีกำลังรวม 852 แรงม้า ในขณะที่รุ่น EREV สามารถทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เพื่อให้กำลังรวมมากถึง 1,006 แรงม้า นอกจากนี้ยังมีระบบอัจฉริยะที่สามารถหาที่ชาร์จไฟและเสียบปลั๊กโดยอัตโนมัติ
สำหรับราคา Maextro S800 จะอยู่ในช่วง 1-1.5 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.6-6.9 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถจองล่วงหน้าได้แล้ววันนี้
จากมุมมองของผู้สื่อข่าว การเปิดตัว Maextro S800 สะท้อนถึงการก้าวกระโดดของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน ที่ไม่เพียงแต่เน้นในเรื่องของประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบและการสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราและสะดวกสบาย ซึ่งน่าจะเป็นที่น่าสนใจของตลาดรถยนต์หรูในอนาคต
การจราจรในบริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มีความหนาแน่นอย่างมากเนื่องจากการเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีพระราชทานปริญญาบัตร โดยเฉพาะเส้นทางถนนพหลโยธิน ขาออก และถนนคลองหลวง ขาเข้า รวมถึงถนนเชียงรากและทางพิเศษอุดรรัถยา ที่มีการสะสมของรถเป็นจำนวนมาก ผู้ที่ต้องการเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวหรือวางแผนการเดินทางให้เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีบริการที่จอดรถสำรองและรถรับ-ส่งสำหรับผู้ที่ต้องการแสดงความยินดีกับบัณฑิต
เส้นทางที่แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเดินทาง
สำหรับผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางผ่านบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต ควรหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีปัญหาการจราจรหนาแน่น เช่น ถนนพหลโยธิน ขาออก ซึ่งมีการสะสมของรถหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ รังสิต และถนนคลองหลวง ขาเข้า ที่มีท้ายแถวบนสะพานข้ามคลอง 3 ถนนเชียงราก ขาเข้า และทางพิเศษอุดรรัถยา ขาออก
เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการจราจรและการใช้เวลาในการเดินทางที่ยาวนานขึ้น ขอแนะนำให้ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงหรือเลือกเส้นทางอื่นที่สะดวกกว่า หรือวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อลดผลกระทบต่อการเดินทางและการใช้ชีวิตประจำวัน หากจำเป็นต้องเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าว ควรเผื่อเวลาเพิ่มเติมและตรวจสอบสภาพการจราจรล่วงหน้า
คำแนะนำสำหรับญาติผู้ที่ต้องการแสดงความยินดีกับบัณฑิต
สำหรับญาติของบัณฑิตที่ต้องการแสดงความยินดีและถ่ายภาพร่วมกัน สามารถนำรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต บนถนนพหลโยธิน ขาเข้า ซึ่งมีที่จอดรถมากมาย และยังมีบริการรถรับ-ส่งระหว่างลานจอดรถและมหาวิทยาลัย
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับญาติของบัณฑิตที่มาแสดงความยินดี มีการจัดเตรียมลานจอดรถขนาดใหญ่ไว้ให้บริการโดยอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต บนถนนพหลโยธิน ขาเข้า ซึ่งอยู่เลยตลาดไทเล็กน้อย ทำให้มีที่จอดรถเพียงพอสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมชม นอกจากนี้ยังมีบริการรถรับ-ส่งระหว่างลานจอดรถและมหาวิทยาลัย ทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่จอดรถภายในมหาวิทยาลัย
เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะตามคำร้องเรียนของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้แก่ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชนที่ใช้รถโดยไม่ถูกต้อง ผลจากการปฏิบัติงานพบว่ามีการตรวจค้นรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายคัน และยึดรถบางส่วนเพื่อนำไปตรวจสอบสภาพและอุปกรณ์ที่ไม่ครบถ้วน ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในท้องถิ่น
รายละเอียดของการปฏิบัติการคืนวันศุกร์
ในคืนวันที่ 25 มกราคม 2568 เวลาประมาณสองทุ่มถึงสามทุ่ม ณ ถนนสายวัฒนธรรมในเขตอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจภายใต้การนำของผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันกำแพงและรองผู้กำกับการฝ่ายป้องกันปราบปราม ได้จัดตั้งจุดตรวจเพื่อตอบสนองต่อคำร้องเรียนจากชาวบ้านเกี่ยวกับพฤติกรรมของเยาวชนที่อาจก่อให้เกิดปัญหา ในการปฏิบัติการนี้ มีการตรวจสอบรถยนต์จำนวน 23 คัน และรถจักรยานยนต์ 27 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีการยึดรถจักรยานยนต์ 5 คันที่มีสภาพไม่ถูกต้องหรือขาดอุปกรณ์จำเป็น
สำหรับผู้เขียนแล้ว การกระทำเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทางการในการดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในชุมชน การตรวจสอบยานพาหนะและการยึดรถที่ไม่ถูกต้องจะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุและความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจกระทบต่อสาธารณะ ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนใจให้ผู้ขับขี่ทุกคนยึดมั่นในกฎระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนน