Unter der Leitung von Nelson Müler haben fünf talentierte Teilnehmer ihre kulinarischen Fähigkeiten unter Beweis gestellt. Jeder Kandidat hat ein einzigartiges Gericht kreiert, das sowohl traditionelle als auch moderne Elemente vereint. Alexander Marquardt hat mit einer zarten Mango-Tatar und einem knusprigen Mandelblättchen-Garnelen-Schaum eine asiatische Note ins Spiel gebracht. Sein Curryschaum verleiht dem Gericht einen zusätzlichen Kick.
Luise Kropp hat sich für eine gesunde Variante entschieden. Ihr Brotsalat-Türmchen kombiniert die erdige Note des Grünkohls mit Cannellini-Bohnen und einer frischen Erbsencreme. Die roh marinierter Bete und gepickelten Zwiebeln sorgen für eine interessante Textur. Nico Hansen hat mit seiner veganen Bruschetta einen modernen Twist aufgebracht. Die Ofen-Tomaten und gerösteten Pinienkerne bilden einen kontrastreichen Hintergrund zu den frittierten Kapern und dem gebratenen Schwarzkohl.
Birgit Metzger hat eine pikante Fischsuppe serviert, begleitet von einem knackigen Knusperbrot. Die Garnelenspieße verleihen dem Gericht eine zusätzliche Dimension. Thomas Schepers hat mit seinen Steak-Crostini eine klassische Zubereitungsweise neu interpretiert. Die Creme „Caesar Style“ und der Feldsalat mit Kürbis, Granatapfel und Walnuss schaffen eine harmonische Mischung aus salzig und süß.
Die Vielfalt der Rezepte zeigt, wie kreativ Kochkunst sein kann. Jedes Gericht ist ein Ausdruck persönlicher Vorlieben und kulinarischer Experimente. Diese Präsentation beweist, dass Essen mehr als nur Nahrung ist – es ist eine Möglichkeit, Geschichten zu erzählen und Emotionen auszudrücken. Es ermutigt uns, unsere eigenen kulinarischen Grenzen zu überschreiten und neue Wege zu entdecken.
ค่ายภาพยนตร์ชื่อดังเตรียมมอบความสุขให้แก่ผู้ชมด้วยการจัดงานภาพยนตร์กลางแปลงประจำปีซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปีของค่าย ระหว่างวันที่ 31 มกราคมถึง 8 กุมภาพันธ์ ณ ลานหน้าอาคารศูนย์เรียนรวม 1 โซน K มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ผู้ชมจะได้รับชมภาพยนตร์ยอดนิยม 9 เรื่อง ตลอด 9 คืน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ งานนี้ยังประกอบด้วยกิจกรรมพิเศษและบูธจำหน่ายของที่ระลึกจากภาพยนตร์ต่าง ๆ อีกด้วย
โปรแกรมภาพยนตร์แต่ละคืนได้รับการออกแบบเพื่อมอบประสบการณ์ทางอารมณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ภาพยนตร์โรแมนติกที่สร้างความอบอุ่นในหัวใจ ไปจนถึงภาพยนตร์แอ็กชันที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และภาพยนตร์สยองขวัญที่จะทำให้ผู้ชมหลอนไปตลอดคืน ผู้กำกับและนักแสดงจากภาพยนตร์หลายเรื่องยังมาร่วมพบปะแฟน ๆ ในแต่ละคืน ทำให้งานนี้ไม่เพียงแค่เป็นการแสดงภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับแฟนภาพยนตร์ได้ใกล้ชิดกับคนเบื้องหลังผลงานที่พวกเขาชื่นชอบ
การจัดงานนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของค่ายภาพยนตร์ในการแบ่งปันความสุขและความบันเทิงแก่ผู้ชม ผ่านภาพยนตร์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเรื่องราวของสังคมไทย งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จของค่าย แต่ยังเป็นการเชื่อมโยงผู้คนผ่านภาพยนตร์ สร้างสรรค์ความทรงจำที่ดีและกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ต่อไป
เทศกาลมหัศจรรรย์ภาพยนตร์ทดลองกรุงเทพฯ หรือ BEFF7 ได้กลับมาสร้างสีสันให้กับวงการภาพยนตร์ไทยหลังจากหายไปนานถึง 12 ปี ด้วยธีม "Nowhere Somewhere" ซึ่งเชิญชวนผู้ชมสำรวจความหมายของพื้นที่และตัวตนที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่มีข้อจำกัด งานนี้จัดขึ้นที่วัน แบงค็อก ฟอรัม ระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 2 กุมภาพันธ์ 2568 โดยนำเสนอภาพยนตร์ทดลองกว่า 129 เรื่องจากทั่วโลก พร้อมการแสดงสด การแสดงดนตรี และเวิร์กชอปมากมาย เพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์และการแลกเปลี่ยนความคิดในระดับนานาชาติ
เทศกาลมหัศจรรรย์ภาพยนตร์ทดลองกรุงเทพฯ หรือ BEFF7 เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 12 ปีของการหายไปของเทศกาลหนังทดลองที่เคยเป็นที่รู้จักในช่วงปี 2540 ภายใต้การนำของผู้ก่อตั้ง กฤติยา กาวีวงศ์ และ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ครั้งนี้ BEFF7 นำเสนอโปรแกรมภาพยนตร์ที่หลากหลาย รวมถึงผลงานใหม่ๆ จากศิลปินทั้งไทยและต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดในการท้าทายขอบเขตเดิมๆ ของภาพยนตร์และศิลปะ
นอกจากโปรแกรมภาพยนตร์แล้ว BEFF7 ยังนำเสนอประสบการณ์ทางศิลปะอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น การแสดงสดเชิงทดลอง การแสดงดนตรีสด Night of the Dry Flowers และเวิร์กชอปการสร้างภาพยนตร์ทดลองด้วยฟิล์ม 16 มม. ที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้และทดลองสร้างภาพยนตร์ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีการแสดง VR ที่ผสมผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่กับศิลปะ ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์เหนือจินตนาการ
เทศกาลมหัศจรรรย์ภาพยนตร์ทดลองกรุงเทพฯ ไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำหรับภาพยนตร์ทดลองเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายสาขา ทั้งผู้กำกับ ศิลปิน นักดนตรี และผู้ชม มาพบกันและสร้างบทสนทนาที่ขยายขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการแสดงสด การเสวนา และกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นภายในงาน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสประสบการณ์ร่วมกันที่ไม่เหมือนใคร
เทศกาลมหัศจรรรย์ภาพยนตร์ทดลองกรุงเทพฯ หรือ BEFF7 ได้สร้างพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์และความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในวงการภาพยนตร์ไทย ผ่านการนำเสนอภาพยนตร์ทดลองที่ท้าทายกรอบเดิมๆ และกิจกรรมที่เชื่อมโยงผู้คนจากหลากหลายสาขา งานนี้ไม่เพียงแค่เป็นการกลับมาของเทศกาลหนังทดลองที่หายไปนานถึง 12 ปี แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้แก่สังคมไทย