บริษัท Geely ในประเทศจีนได้เปิดตัวรถกระบะไฟฟ้ารุ่นใหม่ King Kong เพื่อทดแทนรุ่น RD6 ที่มีราคาสูงเกินไปและไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทางการตลาด ราคารถรุ่นใหม่นี้เริ่มต้นที่ 99,800 หยวนหรือประมาณ 4.68 แสนบาท ซึ่งถูกกว่ารุ่นเดิมถึง 37,000 หยวน หรือราว 1.73 แสนบาท การออกแบบยังคงรักษาสไตล์ของ RD6 แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อย เช่น กระจังหน้าสีดำและชุดไฟหน้า นอกจากนี้ยังมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ โดยมีพละกำลังและความสามารถในการวิ่งระยะทางที่แตกต่างกัน
การออกแบบและการตกแต่งภายใน
King Kong มีการออกแบบภายนอกที่ยังคงความคล้ายคลึงกับ RD6 แต่มีการปรับปรุงรายละเอียดบางอย่างเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น กระจังหน้าสีดำมีการย้ายโคมเมียมลงมาที่ด้านล่าง ส่วนไฟ DRL เปลี่ยนเป็นแนวตั้ง 2 เส้นขนาบชุดไฟกลาง กันชนหน้ามีขนาดใหญ่และดุดัน มาพร้อมช่องดักอากาศและเส้นโครเมียม
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบหรูด้วยแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสีดำ ประดับด้วยวัสดุโครเมียม ระบบอินโฟเทนเมนต์ใช้จอสัมผัส 12.3 นิ้วรองรับ Apple CarPlay และ Carbit Link หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่เป็น LCD 10.25 นิ้ว มี HUD ขนาด 9 นิ้ว คันเกียร์อิเล็กทรอนิกส์ออกแบบใหม่เป็นแนวตั้งยาว มีช่องวางของด้านข้าง และเบาะที่นั่งหุ้มหนังพรีเมียม รวมถึงหลังคาพาโนรามาขนาดใหญ่
สมรรถนะและความปลอดภัย
King Kong มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสองล้อมีมอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวให้กำลัง 241 แรงม้า แรงบิด 309 นิวตันเมตร แบตเตอรี่มีให้เลือก 4 ขนาด ทำให้วิ่งได้ระยะทางตั้งแต่ 310 ถึง 605 กม. ส่วนรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ให้กำลังรวม 375 แรงม้า แรงบิด 485 นิวตันเมตร วิ่งได้ระยะทางตั้งแต่ 330 ถึง 520 กม.
ในด้านความปลอดภัย King Kong มาพร้อมระบบขับขี่อัจฉริยะ L2+ ที่มีเรดาร์ 6 ตัวและกล้อง 5 ตัว ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ACC ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW และ RCW ถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่ง ม่านถุงลมข้าง 2 ตำแหน่ง และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ โครงสร้างตัวถังมีความแข็งแกร่ง สามารถรับแรงบิดเบี้ยวมากกว่า 30,300 นิวตันเมตรต่อองศา ซึ่งมากกว่าเฟรมแบบเดิมถึง 10 เท่า
สำนักงานตำรวจทางหลวงได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางที่จะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถหลีกเลี่ยงความหนาแน่นของจราจรในช่วงเทศกาลดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังสี่ภาคของประเทศไทย การวางแผนล่วงหน้าและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมจะทำให้การเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น บทความนี้รวบรวมรายละเอียดของเส้นทางที่แนะนำสำหรับแต่ละภูมิภาค พร้อมคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง
รายละเอียดเส้นทางเลี่ยงรถติด
ในช่วงเวลาแห่งความคึกคักของเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2568 ตำรวจทางหลวงได้เตรียมเส้นทางทางเลือกสำหรับผู้ที่วางแผนจะออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังสี่ภูมิภาคของประเทศ เพื่อลดปัญหาการจราจรที่หนาแน่น
- เส้นทางสายเหนือ: เริ่มจากถนนวงแหวนตะวันออก (พ.9) แล้วเข้าสู่ถนน 3214 และ 347 ก่อนแยกไปถนนเอเชีย (32) หรือใช้เส้นทางวงแหวนตะวันตก (พ.9) เชื่อมต่อถนนตลิ่งชัน-ชัยนาท (340) แล้วเข้าถนนพหลโยธิน (1)
- เส้นทางสายอีสาน: เริ่มจากถนนพหลโยธิน เลี้ยวขวาที่สามแยกพุแค เข้าถนนพุแคหล่มสัก หรือเลี้ยวซ้ายที่แยกม่วงค่อม เพื่อเข้าสู่ถนน 201 ไปยังจังหวัดชัยภูมิ หรือใช้เส้นทางกรุงเทพฯ – ฉะเชิงเทรา และถนน 304 มุ่งหน้าสู่นครราชสีมา
- เส้นทางสายตะวันออก: สามารถใช้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) หรือถนน 304 ผ่านมีนบุรี-หนองจอก หรือถนนบางนา-ตราด (34) ผ่านบางนา-บางปะกง หรือทางพิเศษบูรพาวิถี หรือถนนสุขุมวิท (3)
- เส้นทางสายใต้: มีเส้นทางหลายเส้นทางให้เลือก ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทาง
สำหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางในช่วงเทศกาดนี้ ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมและวางแผนเส้นทางที่เหมาะสม เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านเพจของตำรวจทางหลวงหรือโทรสายด่วน 1193
การวางแผนเส้นทางล่วงหน้าไม่เพียงช่วยลดความเครียดจากการจราจรที่หนาแน่น แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางอีกด้วย ผู้เดินทางควรทราบว่าการเตรียมตัวให้พร้อมทั้งคนและรถเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้การเดินทางเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่
ในวันที่ 24 ธันวาคม 2024, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้จัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 50 ภายใต้แนวคิด "รวมความหลากหลาย สู่ชัยชนะเพื่อคนทั้งมวล" โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของกีฬาในการสร้างความเท่าเทียมและการยอมรับความแตกต่างในสังคม ผ่านเสียงจากนักกีฬาและนักศึกษาที่แบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จในสนามกีฬา การแข่งขันนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีแสดงความสามารถทางกีฬา แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นเพศ สถานะทางร่างกาย หรืออัตลักษณ์ส่วนบุคคล.
รายละเอียดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครั้งที่ 50
ในวันที่ 24 ธันวาคม 2024 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 50 นักกีฬาและนักศึกษาได้มาพร้อมกับความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการสร้างความเท่าเทียมบนสนามกีฬา. เมย์-ภัทรา กรังพานิชย์ นักกีฬาว่ายน้ำ และนักศึกษาปริญญาโท คณะสหเวชศาสตร์ สาขาพัฒนาการสมัยใหม่ทางการกีฬา ได้เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองในการแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์และเอเชียนพาราเกมส์ ที่ทำให้เธอเห็นว่าความหลากหลายไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นพลังที่เติมเต็มและสร้างความงดงามในทุกการแข่งขัน.
นอกจากนี้ ไบร์ท-ไบรท์ สุราษฎร์ นักกีฬาวอลเลย์บอล และนักศึกษาปริญญาตรี คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ชั้นปีที่ 4 ได้แบ่งปันว่าสนามกีฬาเคยเป็นที่ที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน แต่หลายปีที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมได้นำไปสู่การยอมรับที่เปิดกว้างขึ้น นักกีฬาหลายคนกล้าที่จะเปิดเผยตัวตนอย่างภาคภูมิใจ ทั้งหมดนี้ทำให้สนามกีฬาเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ทุกคน.
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังสนับสนุนนักกีฬาอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนและให้คำปรึกษาเมื่อมีการแข่งขันที่ตรงกับการสอบ ซึ่งทำให้นักกีฬาสามารถมุ่งมั่นทั้งในการเรียนและการแข่งขันได้อย่างสมดุล.
บทบาทของมหาวิทยาลัยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นสถาบันการศึกษา แต่ยังเป็นพื้นที่ที่เข้าใจและสนับสนุนให้ทุกคนก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จได้อย่างมั่นคง.
ท้ายที่สุดแล้ว 'กีฬา' เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถยืนหยัดได้อย่างภาคภูมิ โดยไม่ถูกจำกัดจากข้อกำหนดของสังคม เป็นเวทีที่สะท้อนพลังแห่งความมุ่งมั่น การยอมรับ และการเคารพในความหลากหลาย ทั้งร่างกาย จิตใจ และอัตลักษณ์ส่วนบุคคล เพราะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเอาชนะอคติและการยอมรับความแตกต่างของกันและกัน.
การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครั้งที่ 50 ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของกีฬาในการสร้างโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากที่ไหน หรือมีข้อจำกัดใด 'กีฬาเป็นของทุกคน'
ในฐานะผู้อ่าน ฉันพบว่าการแข่งขันครั้งนี้เป็นมากกว่าแค่กีฬา มันเป็นการแสดงให้เห็นถึงพลังของการยอมรับความหลากหลายและสร้างความเท่าเทียมในสังคม การที่นักกีฬาสามารถแสดงความสามารถและตัวตนของตนเองอย่างเสรีบนสนามกีฬา ทำให้เราเห็นว่าทุกคนมีศักยภาพและควรได้รับการยอมรับอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นข้อคิดสำคัญที่เราควรมอบให้แก่สังคมของเรา.