journalfront

ความบันเทิง

GDH ชวนอ่านเรื่องย่อ ‘404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN’ ก่อนไปฮาไม่อั้น มันแบบตะโกน 28 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

2024-11-04

ในยุคที่ความฝันและความรักถูกบดบังด้วยความเห็นแก่ตัวและความโลภ มีเพียงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเองเท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูความสุขีนิรันดร์ให้กลับมาได้อีกครั้ง

ผจญภัยสุขีนิรันดร์ที่ไม่มีวันจบ

ความฝันที่ถูกทำลาย

'นักรบ' (เต๋อ ฉันทวิชช์) เป็นนายหน้าจอมพลิ้วที่หากินด้วยการซื้อบ้านมีประวัติมารีโนเวทย้อมแมวขายอยู่เสมอ เขากำลังคิดการใหญ่ว่าจะย้อมช้างขายโรงแรมผี เมื่อเขาถูก 'หลิน' (นัตตี้ นันทนัท) คนรักที่คบมาครึ่งชีวิตขอเลิก ด้วยข้อหาว่าเขาไม่มีอนาคต แม้ว่างานของเขาจะไม่รุ่งและความรักจะไม่รอด แต่นักรบก็ไม่ยอมถอดใจ เขาเห็นประกาศขาย 'โรงแรมสุขีนิรันดร์' โรงแรมร้างบนเนินเขาวิวชายทะเลที่ขายถูกยิ่งกว่าแจกฟรี จึงตัดสินใจลากหุ้นส่วนมาช่วยกันรีโนเวทโรงแรมแห่งนี้ให้กลายเป็นโรงแรมหรู เพื่อพิสูจน์ให้หลินได้เห็นว่าเขามีอนาคต ก่อนที่จะเสียเธอไป

ความลับที่ถูกปกปิด

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ โรงแรมแห่งนี้เคยเป็นของ 'ลลิตา' (ต้าเหนิง กัญญาวีร์) หญิงสาวที่สร้างโรงแรมนี้ขึ้นมาด้วยความรักและความฝัน แต่ทุกอย่างกลับพังไม่มีชิ้นดีจากฝีมือของคนที่เธอไว้ใจ ว่ากันว่าทุกมุมของโรงแรมสุขีนิรันดร์มีความแค้นของลลิตาฝังอยู่ทุกอณู จนทำให้ไม่ว่าโรงแรมนี้จะเปลี่ยนมือไปที่ใคร เจ้าของคนใหม่ก็มีอันเป็นไปทุกคน

ความท้าทายที่ไม่มีวันจบ

แต่ไม่ใช่กับแก๊งนักรบที่จนตรอกเกินกว่าจะยอมถอย แม้จะกลัวผีขนาดไหนก็ไม่เท่ากลัวตายจากลูกปืนของเจ้าพ่อเงินกู้ ที่พวกเขาไปยืมเงินหลักล้านมาลงทุนกับโรงแรมแห่งนี้ โรงแรมที่ควรจะมีแต่ความสุขีนิรันดร์ จึงกลายเป็นสมรภูมิไฝว้กันระหว่างแก๊งคนห่วยกับผีคุณหนู ที่ไม่รู้ว่าจะไปสิ้นสุดตรงจุดไหน เมื่อคนนึงก็ไล่ คนนึงก็ล่า ความหลอนแกล้มความฮาจึงเกิดขึ้นทุกค่ำคืน!

ความสุขีนิรันดร์ที่ต้องพิชิต

ท่ามกลางความท้าทายและอุปสรรคมากมาย 'นักรบ' และเพื่อนร่วมทีมจะสามารถฟื้นฟูความสุขีนิรันดร์ให้กลับมาได้อีกครั้งหรือไม่ และจะสามารถพิสูจน์ให้หลินเห็นว่าเขามีอนาคตได้หรือไม่ ติดตามความตื่นเต้นและความสนุกสนานในการผจญภัยสุขีนิรันดร์ของพวกเขาใน '404 สุขีนิรันดร์..RUN RUN' ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 28 พฤศจิกายนนี้

ภาพยนตร์ไทยเรื่อง "ธี่หยด 2" ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยทำรายได้ทะลุ 739 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย

ภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในรอบทศวรรษ

ทำรายได้ทะลุ 739 ล้านบาท

ภาพยนตร์เรื่อง "ธี่หยด 2" ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในวงการภาพยนตร์ไทย โดยทำรายได้ทั่วประเทศสูงถึง 739 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ทำลายสถิติที่เคยถือครองโดย "สัปเหร่อ" ในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำรายได้ไปเพียง 600 กว่าล้านบาท เท่านั้น นับเป็นความสำเร็จอย่างมากสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย

ทำรายได้เร็วที่สุดเพียง 25 วัน

นอกจากจะทำรายได้สูงสุดในรอบ 10 ปีแล้ว "ธี่หยด 2" ยังทำรายได้ภาพยนตร์ไทยสูงสุดในเวียดนาม และลาวอีกด้วย โดยใช้เวลาเพียง 25 วันเท่านั้นที่เข้าฉาย ก็สามารถทำลายสถิติเดิมได้ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก

ความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ความสำเร็จของ "ธี่หยด 2" ในการทำรายได้สูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เร็วที่สุดเพียง 25 วัน นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการภาพยนตร์ไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและความสนใจของผู้ชมที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมาก

ความสำเร็จที่ส่งผลดีต่อวงการภาพยนตร์ไทย

ความสำเร็จของ "ธี่หยด 2" ในการทำรายได้สูงสุดในรอบ 10 ปี นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับวงการภาพยนตร์ไทย เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนและการสร้างภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ไทยให้มุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้น เพื่อให้สามารถทำรายได้ได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับ "ธี่หยด 2"

ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนอย่างรุนแรงในวันนี้ โดยกลุ่มหุ้นอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากปัจจัยต่างๆ ทั้งการแข็งค่าของเงินบาท และความท้าทายในช่วงโลว์ซีซั่น ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงอย่างมาก

ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนรุนแรง กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบหลัก

ตลาดหุ้นไทยร่วงลงอย่างหนัก

ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนอย่างรุนแรงในวันนี้ โดยดัชนีหุ้นหลักของตลาดปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบหลัก

ในวันนี้ กลุ่มหุ้นอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยหุ้นหลักในกลุ่มนี้ปรับตัวลดลงอย่างมาก อาทิ AAI ที่ลดลงกว่า 5% และ ASIAN ที่ลดลงกว่า 3% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการ ทั้งการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท และความท้าทายในช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ

การแข็งค่าของเงินบาทเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง

ตามรายงานของบล.กสิกรไทย บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (AAI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลงแม้ว่าจะมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจาก AAI พึ่งพาการเติบโตของปริมาณมากกว่าการปรับขึ้นราคาขายโดยเฉลี่ย จึงมีความเสี่ยงต่อเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

ความท้าทายในช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง

นอกจากการแข็งค่าของเงินบาท ความท้าทายในช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงก็เป็นอีกปัจจัยที่กดดันกลุ่มหุ้นในกลุ่มนี้ โดยตามรายงานของบล.กสิกรไทย แนวโน้มระยะสั้นในครึ่งหลังของปี 2567 ยังดูท้าทายสำหรับ AAI เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของยอดขาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในช่วงดังกล่าว

แนวโน้มการลงทุนในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง

แม้ว่ากลุ่มหุ้นอาหารสัตว์เลี้ยงจะเผชิญความท้าทายในระยะสั้น แต่บล.กสิกรไทยก็ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มนี้ในระยะยาว โดยได้ปรับประมาณการกำไรปกติของ AAI ในปี 2567 ขึ้น 4.0% เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาปลาทูน่าที่ลดลง และรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และยังคงแนะนำให้ "ซื้อ" หุ้น AAI ด้วยราคาเป้าหมาย 7.80 บาท