Unveiling the Past and Present of Auto Shows
History of Auto Shows
Auto shows are not a new phenomenon; their history can be traced back over 100 years. In 1898, a few pioneers in France recognized the need for a platform to showcase the latest transport technologies, and thus, the auto show was born. The first auto show was officially called the Exposition Internationale d’Automobiles and took place in France at the lawns of Le Jardin des Tuileries in Paris. This event attracted 77 manufacturers who showcased more than 200 different models to over 140,000 attendees over 18 days. It laid the foundation for the Paris Auto Show that still exists today.During this event, new creations like buses, bikes, and even cars were on display. As Autocar reports, it provided striking proof of the validity of the new industry and the abundance of invention. Some of the systems were of indifferent merit, while others were impractical, but there were many ingenious and interesting devices that held great potential.Early Auto Show Innovations
The cars that thousands of Parisians flocked to see at the 1898 auto show were quite similar to those seen at this year's LA show. French manufacturer De Dion-Bouton presented a 20-seat steam-powered bus, while luxurious creations were designed for those seeking style. Even more akin to modern auto shows was a fleet of battery-powered taxis. Autocar adds that the public roads trial of these battery-fed taxis had ranges of up to 100km. Local EV specialists Jeantaud and Kriéger also participated, with the latter winning the prize of 1000 francs (about £8000 today) for the best two-seater.After winning the big prize at the Exposition Internationale d’Automobiles, Kriéger became a moderately successful EV manufacturer. From 1898 to 1909, the French company marketed three different battery-powered models. The Electrolette, with a 3 hp motor, could reach a top speed of around 20mph. This shows that pioneering electric car makers can bring concepts to market.ผลกระทบจากนโยบายจากภาครัฐ
นายใหญ่โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย วิเคราะห์ว่าปรากฏว่าการกระตุ้นจากนโยบายจากภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ. ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025, โตโยต้า พร้อมเดินเครื่องผลิตและทำตลาดรถกระบะพลังงานไฟฟ้า. นโยบายนี้จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดในปีหน้าเช่นกัน.
ส่วนในเรื่องสงครามราคา, โตโยต้า ยืนยันว่าจะไม่กระโดดลง. จากการศึกษาในช่วงที่ผ่านมากไม่เห็นว่าการลดราคา 200,000 - 300,000 บาทจะช่วยให้ยอดขายกระเตื้อง. แม้ว่าการลดราคาถึง 200,000 บาทแล้วยังมีกำไรและมีความสามารถในการสร้างกำไรได้สูง.
ความคิดเห็นของแต่ละค่าย
ฟาก ฟอร์ด ประเทศไทย ท็อปทรีในตลาดรถกระบะและพีพีวี มองว่าตลาดในปีนี้จะปิดยอดรวมราว 567,000 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 26%. ค่ายสัญชาติอเมริกัน คาดว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวตัวเลขได้ราว 21,000 คัน.
ส่วนค่ายวอลโว่ มองว่างานมอเตอร์ เอ็กซโป จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นตลาดในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และผลักดันให้ยอดขายมีตัวเลขราว 5 แสนกว่าคัน. อีกปัจจัยสำคัญคือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ตลาดยังคงทำยอดขายประคองอยู่ในระดับนี้.
ผลกระทบจากมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ
ได้แสดงความคิดเห็นถึงมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่เตรียมกระตุ้นตลาดด้วย มาตรการรถเก่าแลกรถใหม่. แม้วเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว แต่ต้องรอความชัดเจนในเรื่องรายละเอียดสำหรับมาตรการเก่าแลกใหม่ รวมถึงการลดหย่อนภาษีและยืดหยุ่นการชำระหนี้.
ซูซูกิ วิเคราะห์ว่าภายรวมของตลาดในปีนี้จะมียอดขายราว 560,000 คัน. อย่างไรก็ดียังคงต้องพึ่งมาตรการจากภาครัฐที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน. รวมถึงแนวทางการทำตลาดของแต่ละค่ายที่ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน.