มีหลายคนที่แสดงความคิดเห็นดังต่อไปนี้: “ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ถูกแล้วครับ เดี๋ยวจะเหมือนกับกรณีที่ต้องห้ามนำแบตเตอรี่สำรองขนาดใหญ่ขึ้นเครื่องบินครับ. เคสสุดท้ายที่ต้องออกกฎนี้เนื่องจากว่าแบตเตอรี่สำรองร้อนจนทำให้ไฟไหม้ห้องเก็บสัมภาระใต้เครื่อง สุดท้ายตายยกลำ เพราะระบบภายในเสียหายจากไฟไหม้ทั้งหมดครับ จากนั้นจึงต้องมีกฎหนีออกมาบังคับใช้ทั่วโลก.”
และยังมีคนคิดอย่างนี้: “ผมว่าคงไม่มีใครอยากเป็นกรณีศึกษาของคนอื่นแต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตตัวเองหรอกครับ.” หรือ “ผมว่าดีนะ ป้องกันไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุ พอเกิดเหตุสลดมาก็โดนด่าว่าไม่ป้องกันอีก.”
เพจรถยนต์ชื่อดัง “Blink Drive” ได้บอกว่าเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะสมุยและเกาะพงันมีสองเจ้า. ถ้าอีกเจ้าไม่ให้บริการข้ามเกาะก็ยังมีอีกเจ้าชื่อว่า ซีทรานเฟอร์รี่ ซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องรถไฟฟ้าและมีระบบจัดการความเสี่ยงดี. รถไฟฟ้าแนะนำใช้บริการซีทรานเฟอร์รี่ครับ. มีผู้แสดงความเห็นสนับสนุนเช่น “เจ้านั้นกลัวรถไฟฟ้า แต่ไม่กลัวรถติดแก๊ส” หรือ “เรือเดินสมุทรขนรถไฟฟ้าจากจีนมาไทยครั้งละเป็นหลายพันคันไม่เห็นเขากลัว.”
ยังมีคนบอกว่า “เป็นการจัดการเรื่องความปลอดภัยได้ดีเลย ถ้ามีเหตุไฟไหม้สามารถเข็นลงทะเลได้ทันทีถึงได้เอาไว้ด้านหน้าสุด หรือท้ายสุดของเรือ (แต่ถ้ามีคลื่นแรง, ลมแรง, รับน้ำทะเลเต็มๆ).”
บริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด ได้ประกาศแจ้ง งดให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ลงเรือชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสาร. ส่วนสำหรับรถยนต์ไฮบริด (ใช้พลังงานน้ำมันและไฟฟ้า) บริษัทฯ ยังคงให้บริการตามปกติ.
สำหรับบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือเฟอร์รี่โดยสารข้ามฟากอีกราย ไม่ได้มีประกาศแจ้งใดๆเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า แต่ได้มีการแยกจัดให้รถยนต์ไฟฟ้าจอดบริเวณส่วนหัวเรือ หรือส่วนท้ายเรือ ซึ่งเป็นบริเวณโล่งกว่าใต้ท้องเรือจุดอื่น.