XE
Cuộc Chiến Xe Điện Châu Âu: Khi Toyota Lặng Lẽ Vượt Mặt Các Ông Lớn
2024-11-14
Trong bối cảnh các cuộc tranh luận xoay quanh quyết định tăng thuế của Liên minh châu Âu (EU) nhằm vào xe điện giá rẻ từ Trung Quốc, một câu chuyện khác đang diễn ra âm thầm trên thị trường ô tô châu Âu. Đó là sự trỗi dậy của Toyota, thương hiệu xe hybrid, trong khi các nhà sản xuất ô tô lớn như Volkswagen, Stellantis và Renault đang phải đối mặt với những thách thức từ các mẫu xe điện Trung Quốc.

Khi Toyota Lặng Lẽ Vượt Mặt Các Ông Lớn Ô Tô Châu Âu

Xe Điện Trung Quốc Không Phải Mối Đe Dọa Lớn Nhất

Số liệu thống kê mới đây từ công ty nghiên cứu Schmidt Automotive Research ở Đức cho thấy, mối đe dọa đối với các nhà sản xuất ô tô lớn nhất châu Âu như VW Group, Stellantis và Renault không đến từ các thương hiệu xe điện Trung Quốc như BYD, mà lại đến từ Toyota. Trong 9 tháng đầu năm, BYD chỉ bán được 28.535 xe, chiếm 0,3% thị phần của 18 thị trường lớn nhất Tây Âu. Các thương hiệu Trung Quốc khác như Polestar, Smart, Lynk & Co và Nio cũng đều ghi nhận doanh số giảm sút.Ngược lại, Toyota đã lặng lẽ củng cố vị trí của mình tại châu Âu với danh mục sản phẩm xe hybrid đa dạng, phân khúc hút khách hơn xe thuần điện. Trong 9 tháng đầu năm, Toyota (bao gồm cả Lexus) đã chứng kiến mức tăng trưởng ấn tượng ở các thị trường lớn như Tây Ban Nha (10,1%), Pháp (14,4%), Đức (16,4%) và Italy (21,9%). Mức tăng trưởng hai con số như vậy thường chỉ có ở các thương hiệu mới gia nhập thị trường, chứ không phải ở các nhà sản xuất kỳ cựu như Toyota.

Toyota Vượt Mặt Volkswagen Tại Nhiều Thị Trường Châu Âu

Volkswagen hiện vẫn là nhà sản xuất ô tô lớn nhất châu Âu, nhưng đã thua Toyota ở 13 trong số 18 thị trường lớn nhất ở Tây Âu. Công ty Schmidt cho biết, VW quá phụ thuộc vào thị trường Đức, với doanh số trong nước chiếm tới 43,5% doanh số trong khu vực. Nếu không tính doanh số ở Đức, Toyota chỉ kém VW 1 điểm phần trăm về thị phần.Sự trỗi dậy của Toyota tại châu Âu không chỉ thể hiện ở doanh số, mà còn ở việc họ đang dần chiếm lĩnh các phân khúc quan trọng. Trong khi các nhà sản xuất châu Âu vẫn đang tập trung vào xe điện, Toyota lại tập trung vào phát triển dòng xe hybrid, phân khúc được nhiều người tiêu dùng ưa chuộng hơn. Điều này đã giúp Toyota vượt mặt các ông lớn như Stellantis và Renault, trở thành nhà sản xuất ô tô bán chạy thứ hai ở 18 thị trường lớn nhất Tây Âu.

Xe Hybrid - Chìa Khóa Thành Công Của Toyota Tại Châu Âu

Sự thành công của Toyota tại châu Âu không chỉ đến từ doanh số tăng trưởng ấn tượng, mà còn từ việc họ tập trung vào phát triển dòng xe hybrid. Trong khi các nhà sản xuất châu Âu vẫn đang tập trung vào xe điện, Toyota lại tập trung vào phát triển dòng xe hybrid, phân khúc được nhiều người tiêu dùng ưa chuộng hơn.Các số liệu thống kê cho thấy, hiện tại chưa đến một nửa ô tô Trung Quốc bán tại châu Âu là xe thuần điện. Thay vào đó, các mẫu xe hybrid của Toyota đang được người tiêu dùng châu Âu ưa chuộng hơn. Điều này đã giúp Toyota vượt mặt các ông lớn như Stellantis và Renault, trở thành nhà sản xuất ô tô bán chạy thứ hai ở 18 thị trường lớn nhất Tây Âu.Với chiến lược tập trung vào phát triển dòng xe hybrid, Toyota đã lặng lẽ củng cố vị thế của mình tại châu Âu, trong khi các cuộc tranh luận vẫn tập trung vào các thương hiệu xe điện Trung Quốc. Điều này cho thấy, Toyota đang âm thầm vượt mặt các ông lớn ô tô châu Âu, trở thành một trong những cái tên đáng chú ý trên thị trường ô tô khu vực này.
ละครเวที: การเปลี่ยนแปลงวงการความบันเทิงของคนไทยในช่วงสงคราม
2024-11-14
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยต้องเผชิญกับความยากลำบากและการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในช่วงเวลานั้น ละครเวทีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อความบันเทิงใหม่ให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะละครวิจิตรเกษมของนายบัณฑูรย์ องค์วิศิษฐ์ ซึ่งได้สร้างความแปลกใหม่และความประทับใจให้กับผู้ชมในยุคนั้น

ละครเวทีกับการเปลี่ยนแปลงวงการความบันเทิงของคนไทย

คณะละครวิจิตรเกษม: การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแสดง

ในช่วงก่อนสงคราม คณะละครวิจิตรเกษมของนายบัณฑูรย์ องค์วิศิษฐ์ เป็นคณะละครที่มีชื่อเสียงและได้สร้างความทรงจำถึงละครแบบใหม่ให้กับคนร่วมสมัย โดยมีการใช้นักแสดงชายจริงหญิงแท้เล่นให้ตรงตามเพศตัวละคร ซึ่งแตกต่างจากละครร้องก่อนหน้านี้ที่มักใช้นักแสดงชายรับบทหญิงเมื่อเกิดสงครามขึ้น ด้วยเหตุจากภาพยนตร์ใหม่ขาดแคลน นายบัณฑูรย์จึงคิดตั้งคณะละครวิจิตรเกษมขึ้นเข้าแสดงในโรงหนังแทนภาพยนตร์ที่ขาดแคลน โดยมีเป้าหมายให้กลุ่มคนจีนแถวเยาวราช สำเพ็ง ราชวงศ์เป็นกลุ่มผู้ชมหลัก เนื่องจากคนจีนไม่ค่อยอพยพออกจากพระนคร ด้วยห่วงกิจการค้า พวกเขาจึงน่าจะต้องการความบันเทิงเพื่อความหย่อนใจด้วย

การเริ่มต้นและความสำเร็จของคณะวิจิตรเกษม

หลังจากที่นายบัณฑูรย์ขายไอเดียการแสดงละครแบบใหม่ให้แก้วฟ้า ทั้งคู่ก็ได้ไปดูงิ้วแถวเยาวราช และบัณฑูรย์ยังพาครูงิ้วมาสอนแก้วฟ้าให้มีความซาบซึ้งในอุปรากรจีน จากนั้น บัณฑูรย์ก็พาแก้วฟ้าไปพักที่โรงแรมตงเสียม เพื่อให้แก้วฟ้าเขียนบทละคร ออกแบบฉาก และซ้อมท่าทางตัวละครเมื่อแก้วฟ้าเขียนบทเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ไปเช่าเวทีแสดงละครที่โรงภาพยนตร์แคปปิตอล แต่ปรากฏว่าผู้จัดการโรงไม่มั่นใจว่าละครชายจริงหญิงแท้จะทำเงินได้มากกว่าหนังญี่ปุ่นที่ฉายอยู่ จึงเรียกเงินประกันโรงจากบัณฑูรย์ ทำให้บัณฑูรย์ต้องไปหาเงินมาวางประกัน แต่เมื่อไปถึงผู้จัดการกลับปฏิเสธ ทำให้บัณฑูรย์ต้องไปติดต่อขุนสวัสดิ์ทิฆัมพร ผู้จัดการเฉลิมกรุง ซึ่งเมื่อฟังไอเดียก็ดีดมืออนุญาตให้ละครชายจริงหญิงแท้ของบัณฑูรย์เข้าแสดงที่เฉลิมกรุงทันทีการแสดงครั้งแรกของคณะวิจิตรเกษมในเรื่อง "นางบุญใจบาป" ประสบความสำเร็จมาก มีผู้เข้าชมอย่างล้นหลาม ทั้งชาวจีนในสำเพ็งและคนไทยที่ไม่อพยพ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกของการแสดงละครแบบชายจริงหญิงแท้ และเป็นจุดเริ่มต้นของการกำเนิดดาราละครเวทีในยุคนั้น

ความสำเร็จและความนิยมของคณะวิจิตรเกษม

ต่อมา คณะวิจิตรเกษมได้เข้าแสดงที่โอเดียน และเฉลิมนคร ด้วยเรื่องที่ดัดแปลงมาจากเรื่องนางไซซี และนางเตียวเสี้ยน อันเป็นหญิงงามนามกระเดื่องในพงศาวดารจีน โดยมีการตั้งชื่อใหม่ให้เป็นไทยเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมทั่วไป เช่น "หญิงผู้พลิกแผ่นดิน" ซึ่งเป็นละครเรื่องดังที่ผู้คนครั้งนั้นจดจำได้มากหลังสงครามสิ้นสุด เฉลิมไทยของบัณฑูรย์เป็นที่นิยม คณะละครทั้งหลายต่างมาปักหลักแสดงกันที่เฉลิมไทยแทน ในขณะที่โรงอื่นๆ เปลี่ยนไปฉายภาพยนตร์กันหมด แต่ในที่สุด กระแสละครเวทีก็โรยลงโดยละครอำลาเรื่องสุดท้ายของเฉลิมไทยก่อนหันไปฉายภาพยนตร์แทน คือเรื่อง "พันท้ายนรสิงห์"

ความเปลี่ยนแปลงของวงการละครเวทีหลังสงคราม

ภายหลังสงครามจบสิ้นลงแล้ว ในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 2490 เป็นช่วงที่การแสดงละครเวทีเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก แต่จากนั้น จึงซบเซาลงด้วยภาพยนตร์ใหม่ๆ จากฮอลลีวู้ดเข้ามาแทนที่ ทำให้ละครเวทีค่อยๆ สูญเสียความนิยมลง แม้ว่าจะยังคงมีบทบาทสำคัญในวงการความบันเทิงของคนไทยในช่วงเวลานั้นในช่วงสงคราม ละครเวทีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อความบันเทิงใหม่ให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณะละครวิจิตรเกษมของนายบัณฑูรย์ องค์วิศิษฐ์ ซึ่งได้สร้างความแปลกใหม่และความประทับใจให้กับผู้ชมในยุคนั้น ทั้งในด้านการใช้นักแสดงชายจริงหญิงแท้ และการนำเสนอเรื่องราวจากพงศาวดารจีนที่ดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของคนไทย ทำให้ละครเวทีได้รับความนิยมอย่างมาก แม้ว่าในที่สุดก็จะค่อยๆ สูญเสียความนิยมลงเมื่อภาพยนตร์ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ แต่ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในวงการความบันเทิงของคนไทยในช่วงเวลานั้น
See More
ชีวิตที่ไม่ธรรมดาของ 'ลุงโดนัลด์' ในภาพยนตร์เรื่อง 'The Apprentice กว่าจะเป็นลุง'
2024-11-14
ภาพยนตร์เรื่อง 'The Apprentice กว่าจะเป็นลุง' ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว ในงาน Thailand Premiere เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 ที่ทาง BrandThink Cinema นำเข้ามาจัดจำหน่าย

ชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ของ 'ลุงโดนัลด์' ที่ทั่วโลกต่างจับตามอง

ย้อนเวลากลับไปสู่ยุค 1970s

ภาพยนตร์เรื่อง 'The Apprentice กว่าจะเป็นลุง' พาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในยุค 1970s ที่นิวยอร์ก เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตอันก้าวกระโดดของโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และกำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งอีกสมัยในเร็ววันนี้ ผู้กำกับ อาลี อับบาซี ได้ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของ 'ลุงโดนัลด์' ได้อย่างสมจริง และสะท้อนภาพการเมืองสหรัฐฯ ในยุคหลังสงครามเย็นที่มีผลกระทบต่อเนื่องและมีอิทธิพลกับชีวิตของผู้คนในช่วงเวลานั้น

ความทะเยอทะยาน ความดุดัน และการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมเดินทางผ่านชีวิตที่ไม่ธรรมดาของโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่วันเริ่มต้นในวงการธุรกิจจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่เวทีการเมืองระดับโลก โดยจะถ่ายทอดความทะเยอทะยาน ความดุดัน และการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของเขา ผู้ชมจะได้เห็นพัฒนาการของ 'ลุงโดนัลด์' ก่อนที่จะขึ้นสู่อำนาจ และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับทนาย 'รอย โคห์น' ที่ถ่ายทอดความหลักแหลมและเหลี่ยมจัดให้กับเขา

การแสดงที่มีชั้นเชิงของ 'สแตน'

การแสดงของ 'สแตน' ในบทบาทของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ได้รับการชื่นชมอย่างมาก จากสื่อมวลชน นักเขียน นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ผู้กำกับ และอินฟลูเอนเซอร์ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การแสดงของเขาสามารถถ่ายทอดทุกบริบทออกมาได้ดีมาก จนทำให้ผู้ชมรู้สึกอินและเบะปากได้ โดยเฉพาะบทสนทนาสุดเจ็บแสบ เหยียดหยาม กลั่นออกจากจิตเบื้องลึกที่เคยเห็นตามข่าว ซึ่งส่งผลให้ผู้ชมรู้สึกชาและร้อนผ่าวไปทั้งตัว

ความหดหู่และความเจ็บแสบที่ติดตาม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ตีแผ่ชีวิตของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ได้อย่างสนุกและชวนติดตาม ทั้งเจ็บแสบและหดหู่ ผู้ชมจะได้เห็นพัฒนาการของเขาก่อนขึ้นสู่อำนาจ และความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับทนาย 'รอย โคห์น' ที่ถ่ายทอดความหลักแหลมและเหลี่ยมจัดให้กับเขาอย่างไร นอกจากนี้ บรรยากาศยุค 70s-80s ในภาพยนตร์ก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง

ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและการหักเหลี่ยมเฉือนคม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้สืบเสาะตัวตนของโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านเนื้อหาและบทสนทนาอันข้นคลั่ก ตีแผ่การถ่ายโอนของอำนาจด้วยความสัมพันธ์อันใกล้ชิด และการหักเหลี่ยมเฉือนคมในเกมอันแสนสกปรกได้อย่างถึงพริกถึงขิง โดยการแสดงของ Sebastian Stan ในบทบาทของ 'รอย โคห์น' ก็ถือเป็นผงชูรสที่ทำให้หนังจัดจ้านมากขึ้น
See More