On February 11, 2025, California's Attorney General Rob Bonta spearheaded a coalition of nine attorneys general in addressing the U.S. Environmental Protection Agency (EPA). The coalition submitted a comment letter regarding the EPA’s proposal to restrict chlorpyrifos residue, a pesticide known for its detrimental effects on children's neurodevelopment. While the EPA proposes banning this residue on 70 types of food crops, it would still permit its presence on 11 others, including alfalfa and strawberries. This selective ban raises concerns about the safety of imported foods that may contain chlorpyrifos residues, posing health risks to Californians.
The harmful impacts of chlorpyrifos cannot be understated. Exposure to this pesticide can lead to severe health issues, particularly in children. It has been linked to lower birth weights, cognitive impairments, memory loss, attention disorders, and developmental delays. Acute exposure can result in symptoms ranging from excessive sweating to life-threatening conditions like seizures. Given these dangers, Attorney General Bonta emphasized the urgency of removing chlorpyrifos from all food systems to protect public health. The coalition argues that the EPA's current approach falls short of ensuring safety, as it lacks sufficient scientific evidence to justify allowing residues on certain crops.
This initiative underscores the importance of prioritizing public health over corporate interests. By advocating for a comprehensive ban on chlorpyrifos residues across all food crops, the coalition aims to safeguard the well-being of future generations. The collective effort by these states highlights the need for stringent regulations that prevent toxic substances from entering our food supply. Such measures not only protect vulnerable populations but also promote a healthier, more sustainable agricultural system for everyone.
วันนี้ได้มีการดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยควันดำในจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 โดยมีการตรวจสอบรถทั้งหมด 1,400 คัน และพบความผิดตามกฎหมายจำนวนหลายราย รวมถึงรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ซึ่งได้มีคำสั่งห้ามใช้รถทันที เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน.
ทางขนส่งจังหวัดชุมพรได้ทำงานร่วมกับสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพรในการตั้งจุดตรวจยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ ซึ่งเป็นมาตรการตามนโยบายของกรมการขนส่งทางบก การตรวจสอบนี้ครอบคลุมรถหลากหลายประเภท โดยเฉพาะรถที่อาจปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน ทำให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
การดำเนินการนี้เกิดขึ้นที่จุดตรวจวังไผ่บนถนนสายหลักหมายเลข 360 ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อเมืองชุมพร เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบรถจำนวน 1,400 คัน โดยแบ่งออกเป็นการตรวจสอบตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ผลจากการตรวจสอบพบความผิดจำนวนหลายราย สำหรับรถที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐาน มีเพียงคันเดียวที่ถูกสั่งห้ามใช้งานทันที
การตรวจสอบยานพาหนะที่ปล่อยควันดำในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในอากาศ การดำเนินการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนต่อปัญหาสภาพอากาศและการดูแลสุขภาพ
นอกจากนี้ การตรวจสอบยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะช่วยป้องกันการกระทำผิดในอนาคต นอกจากการตรวจสอบรถแล้ว ยังมีการออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาและเปรียบเทียบปรับในกรณีที่พบความผิด ผลจากการตรวจสอบพบว่า มีรถจำนวน 15 คันที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก และรถ 10 คันที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติรถยนต์ ซึ่งเป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจให้กับชุมชนโรงเรียนสวนกุหลาบ เมื่อนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ถูกยานพาหนะที่ฝ่าไฟจราจรชนขณะกำลังข้ามถนนหน้าโรงเรียน ตามรายงานที่ถูกแชร์บนเพจเฟซบุ๊ก “นักเกรียน สวนกุหลาบ” ที่มีผู้ติดตามกว่า 170,000 คน ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย โดยรถคันดังกล่าวได้ฝ่าสัญญาณไฟจราจรและพุ่งชนนักเรียนขณะกำลังข้ามทางม้าลาย
นักเรียนที่อยู่ในบริเวณเกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ในขณะที่ไฟจราจรเป็นสัญญาณเขียวให้คนข้ามถนน และเจ้าหน้าที่จราจรโบกธงสัญญาณให้ข้าม รถยนต์คันสีแดงได้เร่งความเร็วฝ่าไฟแดงและชนนักเรียนที่กำลังจะขึ้นรถเมล์ เพื่อนของนักเรียนสามารถหลบได้ทัน แต่นักเรียนรายนี้ไม่ทันหลบ ทำให้เกิดการกระแทกกันบนทางม้าลาย หลังจากนั้น นักเรียนได้รับการนำตัวไปโรงพยาบาลโดยรถพยาบาลภายใต้การดูแลของครูประจำชั้น
สถานการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎจราจรและการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเดินทาง การฝ่าฝืนกฎอาจนำไปสู่ความเสียหายที่คาดไม่ถึง แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะจบลงด้วยการฟื้นฟูที่รวดเร็วของนักเรียน แต่ควรใช้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนในการคำนึงถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นบนท้องถนน ทั้งโรงเรียนและชุมชนควรมีมาตรการเสริมเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต